เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) นำโดย ดร.วริศ ลิ้มลาวัลย์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับสถานประกอบการและสถานศึกษาจำนวน 11 แห่ง เพื่อผลิตบัณฑิตคุณภาพที่พร้อมก้าวสู่โลกการทำงานจริง ตอบโจทย์ตลาดแรงงานยุคใหม่ และยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยมีคณาจารย์ ผู้แทนสถานประกอบการ และสถานศึกษาเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
ในส่วนของสถานประกอบการ จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท จอมธนา จำกัด (อีลี่ กรุ๊ป ไทยแลนด์), บริษัท เจลิน กรุ๊ป, บริษัท ธรีชาวด์ เทรนนิ่ง แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด, บริษัท Mango Thaitour จำกัด และบริษัท ลีเจ้นท์คอมม์ จำกัด โดยความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมการพัฒนาหลักสูตรและการฝึกอบรมที่ทันสมัย สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ การจัดสหกิจศึกษาและการฝึกปฏิบัติวิชาชีพที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงในสถานประกอบการ การสร้างเครือข่ายวิจัยและบริการวิชาการ ตลอดจนการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและการประชาสัมพันธ์โครงการที่เป็นประโยชน์ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 4 ป
ขณะที่ความร่วมมือกับสถานศึกษาอีก 6 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนชลประทานวิทยา, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวังนนทบุรี, โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา ในพระสังฆราชูปถัมภ์ และโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม ครอบคลุมการสนับสนุนด้านวิชาการในหลายมิติ ทั้งการเปิดโอกาสให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่ DPU โดยได้รับการยกเว้นการสอบคัดเลือกและสิทธิพิจารณาทุนการศึกษาตามความเหมาะสม การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะทางภาษา การอบรมเพื่อเสริมศักยภาพครูผู้สอน ตลอดจนการสร้างเครือข่ายทางวิชาการกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดร.วริศ ลิ้มลาวัลย์ คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า วันนี้ทุกฝ่ายมาแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำงานร่วมกันระยะยาว เพื่อเติมเต็มศักยภาพของผู้เรียนให้เป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมและประเทศ ซึ่งคณะศิลปศาสตร์ทำงานกับโรงเรียนและสถานประกอบการมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทั้งค่ายภาษา (ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น) ความร่วมมือจัดกิจกรรมและจัดการแข่งขัน การส่งนักศึกษาไปสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน (Cooperative and Work Integrated Education หรือ CWIE) รวมถึงรับข้อเสนอแนะทางวิชาการจากภาคธุรกิจเพื่อนำไปปรับปรุงหลักสูตรให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน
“คณะศิลปศาสตร์เปิดการเรียนการสอน “ภาษาเพื่อธุรกิจ” ครอบคลุมหลักสูตรภาษาจีนธุรกิจ ภาษาอังกฤษธุรกิจ ภาษาตะวันออกเพื่อธุรกิจ (สายเกาหลีและญี่ปุ่น) และหลักสูตรอิสลามศึกษา โดยชูจุดเด่นการสอนภาษาไปพร้อมกับความรู้และทักษะทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์สอนให้นักศึกษาทุกคนมีความรู้ในด้านธุรกิจ ส่วนคณะศิลปศาสตร์จะทำให้นักศึกษานำ ‘ภาษา’ ไปใช้ได้จริงในอาชีพ” ดร.วริศ กล่าว
นอกจากนี้ ดร.วริศ ยังกล่าวอีกว่า ด้านความร่วมมือกับภาคธุรกิจ คณะฯ เดินหน้าในเรื่องของสหกิจศึกษา/การเรียนรู้บูรณาการกับการทำงาน (CWIE) เป็นกลไกหลัก รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการเพื่อนำมาพัฒนาหลักสูตรและการสอนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่บริการวิชาการที่ยืดหยุ่นต่อความต้องการองค์กร เช่น อบรมภาษา วัฒนธรรม หรือทักษะธุรกิจเฉพาะทาง รวมถึงเชิญผู้เชี่ยวชาญจากสถานประกอบการร่วมให้คำปรึกษาและทำหน้าที่กรรมการ/ที่ปรึกษาในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงโลกการเรียนกับโลกการทำงานจริง
ส่วนความร่วมมือกับโรงเรียนมุ่งสร้างเส้นทางการพัฒนาศักยภาพตั้งแต่ระดับมัธยมสู่มหาวิทยาลัย ผ่านค่ายภาษา เวิร์กช็อปแนะแนว และการพัฒนาหลักสูตรร่วม เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพการเรียนรู้และเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งทางคณะฯ ยังให้ความสำคัญกับเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ เปิดโอกาสให้นักศึกษาไปศึกษาดูงานและฝึกงานสหกิจในต่างประเทศ “มาเรียนที่นี่ นักศึกษาจะได้ทั้งการพัฒนาศักยภาพภาษา ธุรกิจ และโอกาสต่างประเทศ แต่สุดท้ายอยู่ที่ตัวนักศึกษาจะคว้าโอกาสนั้นได้หรือไม่
ด้านดร.โชติกานต์ จิราลักษณ์สกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่า คณะฯ มุ่งพัฒนาสมรรถนะภาษาเพื่อธุรกิจควบคู่ทักษะสมัยใหม่ โดยเฉพาะ “การเรียนรู้ด้านอีคอมเมิร์ซ” และ “ภาษาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ” เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำภาษาไปใช้ได้จริงในบริบทงานเฉพาะทาง และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง โดยคณะฯ พร้อมขยายผลสู่ระดับมัธยมศึกษาผ่านค่ายและหลักสูตรอบรมระยะสั้น สำหรับนักเรียนที่สนใจ “ภาษาเชิงอาชีพ” ในสาขาเฉพาะต่าง ๆ เพื่อวางฐานทักษะตั้งแต่เนิ่น ๆ ขณะเดียวกัน DPU เดินหน้าส่งนักศึกษาไปฝึกงาน/สหกิจศึกษาอย่างต่อเนื่อง และนำ “ข้อเสนอแนะจากสถานประกอบการ” กลับมาปรับปรุงรายวิชาและผลลัพธ์การเรียนรู้ทุกปี เพื่ออัปเดตสกิลที่จำเป็นจริงในตลาดแรงงาน
ในมิติความร่วมมือได้เชิญชวนโรงเรียนและภาคธุรกิจ “ระบุรายการความต้องการและสมรรถนะ” ที่อยากให้คณะช่วยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นภาษาเพื่อธุรกิจอุตสาหกรรมเฉพาะ การสื่อสารข้ามวัฒนธรรมสำหรับงานบริการและการท่องเที่ยว การเขียนเชิงวิชาชีพ/เชิงพาณิชย์ ไปจนถึงทักษะดิจิทัลที่เชื่อมกับภาษา เช่น คอนเทนต์สำหรับอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ โดยคณะพร้อมออกแบบคอร์สตามความต้องการและจัดตารางให้เหมาะกับบริบทของแต่ละองค์กร
สำหรับภาคธุรกิจ คณะศิลปศาสตร์เปิดรับความร่วมมือหลายรูปแบบ อาทิ การรับนักศึกษาเข้าฝึกงาน/สหกิจ การเชิญผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมมาบรรยาย/เวิร์กช็อปเพื่ออัปเดตเทรนด์การทำงาน การพัฒนาหลักสูตรร่วม (co-design) ตลอดจนการจัดอบรมบุคลากรด้านภาษา วัฒนธรรม และการสื่อสารในองค์กร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพงานที่ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือหลัก