กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้สินค้าเครื่องประดับและอัญมณีไทยมีโอกาสทองท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แนะจับตาสหรัฐขึ้นภาษีจีนร้อยละ10 ทำตลาดเครื่องประดับและอัญมณีจีนในสหรัฐ คาดเงินสะดัดมูลค่ากว่า 3,000 ล้านเหรียญป่วน
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่าอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีของไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์การออกนโยบายกีดกันทางการค้าและการตอบโต้กันของประเทศคู่ค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและจีนอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 6,031 รายการในอัตราร้อยละ 10 และมีหมวดสินค้าเครื่องประดับของจีนติดในบัญชีดังกล่าวด้วย 56 รายการ
ทั้งนี้ในปี 2560 สหรัฐนำเข้าสินค้าเครื่องประดับอัญมณีและกล่องใส่เครื่องประดับจากจีนรวมเป็นมูลค่า 3,144.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.39 แยกเป็นเครื่องประดับและแฟชั่น 2,510.22 ล้านเหรียญสหรัฐ อัญมณีและลูกปัดแก้ว 314.47 ล้านเหรียญสหรัฐ วัตถุดิบและอื่นๆ 289.94 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยในการทำตลาดสินค้าประเภทเครื่องประดับและอัญมณี เพื่อทดแทนที่สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้าดังกล่าว เพราะสินค้ากลุ่มเครื่องประดับและอัญมณีของไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของตลาดทั่วโลกอยู่แล้ว นางจันทิรา กล่าว
“สหรัฐนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีจากจีน 3,114.63 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าสินค้าจีนที่จะเข้าข่ายต้องเสียภาษีเพิ่มร้อยละ 10 เช่น โลหะมีค่ายังไม่ขึ้นรูปชนิดต่างๆ มูลค่า 166.83 ล้านเหรียญสหรัฐ กล่องใส่เครื่องประดับ 105.49 ล้านเหรียญสหรัฐ ลูกปัดแก้ว 37.04 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทั้ง 3 รายการจะมีมูลค่า 309.36 ล้านเหรียญสหรัฐ”
อย่างไรก็ตามสินค้าที่เข้าข่ายจะถูกขึ้นภาษีคิดเป็นร้อยละ 9.93 ของมูลค่าของสหรัฐนำเข้าเครื่องประดับและอัญมณีจีนทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 90.69 เช่น เครื่องประดับมีค่า เครื่องประดับแฟชั่นและอัญมณีอื่นๆ ยังถูกยกเว้นภาษีนำเข้าอยู่ ซึ่งทูตพาณิชย์ในสหรัฐจะติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป
นางจันทิรา กล่าวต่อว่า ในส่วนของสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีไทยที่สหรัฐนำเข้าในปี2560 มีมูลค่า 1,289.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อน 24% โดยมูลค่าจะน้อยกว่าสินค้าจากจีนประมาณเท่าตัวดังนั้นสินค้าเครื่องประดับไทยที่มีโอกาสเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจากจีนมากที่สุดน่าจะเป็นสินค้ากล่องใส่เครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีศักยภาพมาก โดยในปี 2560 ไทยส่งออกสินค้ากล่องใส่เครื่องประดับไปยังสหรัฐ มูลค่า 2.44 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนส่งออกกล่องใส่เครื่องประดับไปสหรัฐมูลค่า 105.49 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อสินค้านำเข้าจากจีนต้องเสียภาษีเพิ่มร้อยละ10 ก็จะเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการผลิตกล่องใส่เครื่องประดับไทยที่จะได้รับอานิสงส์อย่างมากในอนาคต
“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศอยากให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เตรียมความพร้อม เพื่อเร่งขยายตลาดในสหรัฐหลังสินค้าจีนถูกปรับขึ้นภาษี ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของจีนชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกปรับขึ้นภาษี เช่น เครื่องประดับมีค่า และเครื่องประดับแฟชั่น แม้ว่าจะไปชิงตลาดในส่วนนี้ของจีนได้ลำบาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะค่อยๆ พัฒนาสินค้า เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น หากผู้ประกอบการสินค้าของไทยให้ความสำคัญเรื่องของมาตรฐาน คุณภาพ การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่า รวมถึงเทรนด์ของตลาดที่ต้องการเข้าไปทำการค้า เมื่อรวมกับฝีมือความละเอียดประณีต ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงานของไทย ตรงนี้จะเป็นจุดดึงดูดและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ช่วยขยายโอกาสการค้า และส่วนแบ่งทางการตลาดในต่างประเทศให้กับสินค้าของไทยได้อย่างแน่นอน” นางจันทิรา กล่าว
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169