อธิบดีกรมอุทยานฯ มอบนโยบายบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ เน้น "รวดเร็ว-โปร่งใส- ประทับใจประชาชน"
.
วันที่ 29 กันยายน 2568 เวลา 14.00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานและการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ณ ห้องประชุม ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาอุทยานแห่งชาติ ผู้อำนวยการส่วนทุกส่วน ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลเข้าร่วมประชุมครบถ้วน
นายอรรถพล ได้ให้นโยบายสำคัญว่า หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลมีภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการดำเนินงานตามภารกิจของมูลนิธิอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
การปฏิบัติงานที่สำคัญ ได้แก่
1. ให้ความสำคัญกับภารกิจมูลนิธิอย่างยิ่งยวด ทุกภารกิจที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่และรายงานผลพร้อมส่งภาพและผลงานให้มูลนิธิฯ ทันที โดยยกตัวอย่างความสำเร็จจากการกู้เรือที่เกยตื้นบริเวณเกาะสุรินทร์
2. ป้องกันและควบคุมผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล ต้องเข้มงวดในการควบคุมนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อทะเลและทรัพยากรทางทะเล รวมถึงการจัดการขยะทะเลและบนฝั่งให้มีประสิทธิภาพ
3. การตอบสนองต่อสื่อสังคมอย่างรวดเร็ว ทุกอุทยานต้องมีเพจของตนเองเพื่อชี้แจงข่าวสารได้อย่างทันท่วงทีภายในไม่กี่ชั่วโมง โดยหัวหน้าอุทยานควรเป็นผู้ตอบเองเพื่อป้องกันความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของอุทยานและกรมฯ และต้องมีแอดมินพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส
กรมฯ กำลังดำเนินการนำระบบ e -ticket และระบบบริการดิจิทัลมาใช้ในพื้นที่อุทยาน เน้นความโปร่งใสและการตรวจสอบได้ในการดำเนินงาน พร้อมทั้งพิจารณาการจัดเก็บแบบไฮบริดทั้งอีทิกเก็ตและระบบตั๋วเพื่อสร้างความเชื่อมั่น นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจตราการจัดเก็บเงินรายได้และการบริการของอุทยานอย่างต่อเนื่อง หากพบสัญญาณความผิดปกติจะดำเนินการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
ในส่วนการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ กรมฯ ได้กำหนดให้เร่งรัดการจัดซื้อจัดจ้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ อาทิ เรือยางท้องแข็ง 40 ลำ เพื่อลาดตระเวณพื้นที่ท่องเที่ยว, การทำท่าเทียบเรือลอยน้ำ ตามเกาะต่างๆ เพื่อทำเป็นซิงเกิลเกต ,การพัฒนาโครงการท่าเทียบเรือที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง และการพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และจัดการพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว เช่น ที่เกาะตาชัย
.
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและการพัฒนาท้องถิ่น กรมฯ มุ่งเน้นการสร้างความสมดุลของการท่องเที่ยวในพื้นที่และการพัฒนาท้องถิ่น โดยพิจารณาการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มสำหรับจุดดำน้ำที่มีความสวยงาม เนื่องจากค่าจอดเรือดำน้ำในปัจจุบันถูกมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ตลอดจนจะมีการพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น เรือท้องกระจก และการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ระบบน้ำ และการกำจัดขยะบนเกาะ โดยพิจารณาใช้เตาเผาขยะบนเกาะแทนการขนออกนอกเกาะ
.
ด้านการอนุรักษ์สัตว์ทะเลและระบบนิเวศ กรมฯ มีแผนงานสำคัญด้านการอนุรักษ์ ได้แก่
1. แผนการอนุรักษ์พะยูน ซึ่งเป็นแผนรวมของกระทรวงที่ทำงานร่วมกับกรม ทช. โดยมีภารกิจเกี่ยวกับการรักษายาทะเล ฟื้นฟูหญ้าทะเล และป้องกันประชากรพะยูนลดลงอย่างรวดเร็ว
2. การเพาะพันธุ์เต่าทะเล โดยอาจใช้พื้นที่ท้ายเหมืองเพื่อเพาะพันธุ์เต่าทะเลทั้งเต่าตนุและเต่าหัวเฟือง
3. การฟื้นฟูปะการัง โดยมีการแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาวและการจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เหมาะสม พร้อมสำรวจปะการังที่ฟอกขาวในแต่ละพื้นที่อุทยานทางทะเล
4. การจัดการขยะทะเล เชื่อมโยงกับการแก้ไขปัญหาขยะมรสุมในทุกพื้นที่
ในส่วนการจัดการประมงพื้นบ้านและชุมชนท้องถิ่น กรมฯ คำนึงถึงวิถีชีวิตชาวเลและข้อจำกัดด้านอุปกรณ์ในการจัดการประมงพื้นบ้าน โดยมีการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่อุทยานเพื่อป้องกันการบุกรุก พร้อมทั้งพิจารณาการขอใช้ประโยชน์พื้นที่โดยใช้กลไกการรับฟังความคิดเห็นของชุมชน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในเรื่องสาธารณูปโภคภายใต้การกลั่นกรองที่เหมาะสม
ด้านการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัย ให้เน้นย้ำความสำคัญของการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยมีการประสานงานกับศูนย์บริการทางทะเล รวมทั้งต้องมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุจริง และดำเนินโครงการฝึกอบรมชาวต่างประเทศให้ต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือและสร้างเครือข่ายอาสาสมัคร โดยต้องมีความพร้อมด้านคน อุปกรณ์ เรือ ยานพาหนะ และความสามารถส่วนบุคคล
อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้แนวทางแก่หัวหน้าอุทยานคนใหม่ว่าต้องศึกษาข้อมูลและปรึกษาหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างความมั่นใจให้ลูกน้อง รับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาทีมเวิร์ก พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและใช้ คณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติ (Provincial Advisory Committee :PAC) เพื่อสนับสนุนในการสื่อสารอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ หัวหน้าอุทยานต้องลงพื้นที่ติดตามดูแลด้วยตนเอง ไม่ปล่อยให้ลูกน้องทำเพียงอย่างเดียว เพื่อควบคุมการทำงานและเรื่องความโปร่งใส รวมทั้งจัดทีมบริหารจัดการจราจรและซักซ้อมการทำงานก่อนเปิดฤดูกาล
.
ทั้งนี้ นายอรรถพล ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่ายในพื้นที่ กรมอุทยานฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) นับเป็นหัวเรือหลักในการปฏิบัติการ โดยกองทัพเรือร่วมเป็นคณะกรรมการ และมูลนิธิอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตทะเลมีส่วนร่วมงานหลักด้านสิ่งมีชีวิตทะเล นอกจากนี้ยังมีการใช้กลไก ทช. จังหวัดในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝั่งระดับจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองการแก้ไขปัญหาชายฝั่ง จะสนับสนุนให้การปฏิบัติงานเป็นรูปธรรมมากขึ้น กรมพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยทางกรมจะมีการติดตามความคืบหน้าของทุกภารกิจอย่างใกล้ชิด และจะมีการประเมินผลภายใน 30 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและนโยบายที่วางไว้
.
การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยั่งยืน เพื่อคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลให้คนรุ่นหลัง พร้อมทั้งสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ.