ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
คต. ประสบผลสำเร็จจัดงานมหกรรมการค้าชายแดน และมหกรรมการค้า IMT-GT & BIMP-EAGA Trade Fair กระตุ้นเศรษฐกิจหาดใหญ่
01 ส.ค. 2561

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนและมหกรรมการค้าภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และเขตพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก (บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ หรือ BIMP-EAGA) ครั้งที่ 4 ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมสินค้าเพื่อการเกษตรและสิ่งแวดล้อมสู่อนาคต (Future Innovation for Agriculture and Environment)” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 22 กรกฎาคม 2561 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้รับการตอบรับและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง ผู้เข้าร่วมงานต่างชื่นชมว่าไทยจัดงานครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม กิจกรรมภายในงานกระตุ้นให้เกิดเงินหมุนเวียนสะพัด รวมถึงยอดสั่งซื้อและยอดขายทะลุเป้า สะท้อนให้เห็นถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีอนุภูมิภาคได้เป็นอย่างดี

IMT-GT & BIMP-EAGA Trade Fair ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน โดยมีผู้ผลิตสินค้า ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการจาก 14 จังหวัดภาคใต้ของไทย และประเทศสมาชิกเข้าร่วมแสดงสินค้า มากกว่า 230 คูหา โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีและผู้แทนรัฐบาลจากประเทศสมาชิกเข้าร่วมพิธีเปิดและประชุมหารือข้อราชการ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน และประชาชน มีผู้เข้าร่วมงานตลอดทั้ง วัน รวมกว่า 1,700คน มีมูลค่าการค้ามากกว่า 175 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อขายปลีกในงานเกือบ 14 ล้านบาท และยอดสั่งซื้ออีกกว่า 150 ล้านบาท

อธิบดีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพิธีเปิดงาน IMT-GT Trade Fair และ BIMP-EAGA เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร. สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และผู้บริหารระดับสูงจากมาเลเซีย รวมทั้งผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตบรูไน ประจำประเทศไทย ร่วมเปิดงาน โดยกิจกรรมสำคัญภายในงานที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ คืองานแสดงสินค้านานาชาติจากไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน รวมมากกว่า 230 ร้านค้า มีมูลค่าการค้าทันทีกว่า 14 ล้านบาท รวมถึงมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านฮาลาล เมืองสีเขียว เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและเกษตรนวัตกรรม ซึ่งได้จำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรมกว่า 30 ร้านค้า โดยเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ความงาม เพื่อสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ มาจัดแสดงและจำหน่าย ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่รักสุขภาพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ถือเป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าเกษตรนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น ภายในงานดังกล่าวยังจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน ผู้ประกอบการภาคใต้ของไทยสามารถจัดทำ MoU กับมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทันทีและขยายผลต่อเนื่องรวม คู่สัญญา เพื่อซื้อขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวระหว่างกัน คิดเบื้องต้นเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้แทนรัฐบาลจาก ประเทศ โดยผู้แทนรัฐบาลไทย (ศ.ดร.สกนธ์ฯ) มีโอกาสหารือร่วมกับผู้แทนระดับนโยบายของประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ อาทิ รัฐมนตรีด้านการพัฒนาเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เป็นต้น สามารถกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ามุ่งขยายการเชื่อมโยงระหว่าง 14 จังหวัดภาคใต้และชายแดนของไทย กับรัฐชายแดนของมาเลเซีย เช่น รัฐเประ รัฐปะลิส รัฐเคดะห์ เป็นต้น และขยายตัวไปยังจังหวัดของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียกับฝั่งตะวันออกของอาเซียนในบรูไน ฟิลิปปินส์ได้อีกด้วย รวมทั้งจะสร้าง Platform ให้ผู้ประกอบการ SMEs ให้มีโอกาสพัฒนาการค้า สู่ตลาดโลก ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี นอกจากนี้ ได้หารือเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน และการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าโลกจากฝั่งยุโรป จีน และอเมริกา

อธิบดีฯ กล่าวปิดท้ายว่า การจัดงาน IMT-GT Trade Fair และ BIMP-EAGA นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยโดยเฉพาะ SMEs ดาวรุ่งในภาคใต้สามารถผลิตและส่งออกสินค้าคุณภาพดีและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงสัมพันธภาพที่ดีของประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาค IMT-GT และ BIMP-EAGA อันจะนำไปสู่การขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และผลักดันการค้าชายแดน ตลอดจนการค้าระหว่างประเทศในอนุภูมิภาค IMT-GT และ BIMP-EAGA ที่มีประชากรกว่า 180 ล้านคน อีกทั้งยังบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นการขยายตลาด แสวงหาความร่วมมือ และกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าในอนุภูมิภาค รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และรายใหม่ๆ (Start-up) ในสาขาต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนในระดับอนุภูมิภาค เชื่อมโยงสู่ภูมิภาคและเวทีโลกต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...