ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
ส.อ.ท. แนะรัฐเร่งปฏิรูปกฎหมาย ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน
07 ต.ค. 2568

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 ในเดือนกันยายน 2568 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับคู่แข่งในภูมิภาค”

จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ประเมินว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ยังอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต ความสามารถด้านเทคโนโลยี การเข้าถึงตลาด ผลิตภาพแรงงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไทยมีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหากฎหมายที่ล้าสมัย มีความซับซ้อน และการปฏิรูประบบราชการที่ยังไม่จริงจัง ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การขยายตัวของ GDP ไทยต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา GDP ไทยเติบโตเพียง 2.8% ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในอาเซียน

ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบราชการให้มีความโปร่งใส คล่องตัว และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการอนุมัติอนุญาต จะช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งของรัฐและเอกชน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 145 ท่าน ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สามารถสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 จาก 6 คำถามได้ดังนี้
1)  เรื่องใดเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
อันดับ 1 : ความได้เปรียบด้านที่ตั้งและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน     73.8%
อันดับ 2 : ศูนย์กลางการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรระดับโลก      40.7%
อันดับ 3 : ห่วงโซ่อุปทานและฐานการผลิตที่ครบวงจร     31.7%
อันดับ 4 : จุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค    28.3%

2)  เรื่องใดเป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่ทำให้ GDP ขยายตัวต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
อันดับ 1 : กฎหมายที่ล้าสมัย ซับซ้อน และขาดการปฏิรูประบบราชการ     91.2%
อันดับ 2 : ความล่าช้าในการดำเนินนโยบายและการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่      51.3%
อันดับ 3 : การพึ่งพาอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีมูลค่าไม่สูง     46.9%
อันดับ 4 : การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและปัญหาหนี้ครัวเรือน     43.4%

3)  ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
     (รายละเอียดรูปประกอบตามไฟล์แนบ)

4)  ปัจจัยเรื่องใดที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
อันดับ 1 : การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และการพัฒนากำลังคน     57.2%
              ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
อันดับ 2 : การขาดการพัฒนาสินค้าทำให้ได้รับความนิยมลดลง ผลกระทบจาก 45.5%
              สินค้าทุ่มตลาดและการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาค
อันดับ 3 : การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ      44.8%
              รวมทั้งขาดเทคโนโลยีและนวัตกรรม
อันดับ 4 : มาตรการทางการค้าของประเทศมหาอำนาจ     40.0%
              และผลกระทบจากสงครามการค้า

5)  ภาครัฐควรเร่งดำเนินการในเรื่องใด เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
อันดับ 1 : การปฏิรูปกฎหมายกฎระเบียบ และพัฒนาระบบราชการ     66.9%
              โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการอนุมัติอนุญาตภาครัฐ
อันดับ 2 : การปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ 51.0%
              เช่น ค่าไฟฟ้า วัตถุดิบ โลจิสติกส์ เป็นต้น
อันดับ 3 : การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม      42.8%
              การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ รวมทั้งการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
อันดับ 4 : การยกระดับผลิตภาพแรงงานและพัฒนากำลังคนด้วยการ       33.1%
              Upskill, Reskill, New Skills

6)  อุตสาหกรรมเป้าหมายใด (S-Curve) จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
อันดับ 1 : การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ     34.5%
อันดับ 2 : การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 34.5%
อันดับ 3 : การแพทย์ครบวงจร 26.9%
อันดับ 4 : การแปรรูปอาหาร 22.8%
อันดับ 5 : ยานยนต์สมัยใหม่ 20.0%
อันดับ 6 : อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 18.6%

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ตุลาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ต.ค. 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก 461 นับแต่ภัยอาชญากรรมออนไลน์เริ่มอาละวาด หนักขึ้น ต้นเหตุหนึ่งก็มาจากข้อมูลส่วนบุคคลของ ประชาชนรั่วไหลไปถึงมือมิจฉาชีพ ซึ่งเกิดขึ้นได้ ทั้งการจงใจหลอกลวงหรือแม้กระทั่งหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ-เอกชน รู้เท่าไม่ถึงการณ์ กฎหมายฉบับหนึ่ง จึงถูกตร...