คนไทยเฮ! ครม.ไฟเขียวโครงการคนละครึ่ง พลัส เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจถึงระดับฐานรากคาดจะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจถึง 88,000 ล้านบาท
วันนี้ (7 ตุลาคม 2568) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการพิจารณาโครงการคนละครึ่ง พลัส ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง พลัส (โครงการฯ) และกรอบวงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 44,000 ล้านบาท โดยมอบหมาย กค. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดที่ไม่ขัดกับหลักการโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ
2. เห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวนไม่เกิน 25,000 ล้านบาท และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวนไม่เกิน 25,000 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ สศค. และอนุมัติให้ สศค. เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการฯ
3. เห็นชอบให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 19,000 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ สศค. สำหรับการดำเนินโครงการฯ ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 19,000 ล้านบาท กค. โดย สศค. จะได้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามขั้นตอนและวิธีการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
4. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
(1) กค. โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินแทนกัน
(2) กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดยกรมการปกครองตรวจสอบคุณสมบัติและคัดกรองกลุ่มเป้าหมายด้านการทะเบียนราษฎรโครงการฯ และหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ตามที่ กค. โดย สศค. กำหนด
(3) สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กรมการขนส่งทางบก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมการพัฒนาชุมชน สนับสนุนข้อมูลร้านค้าให้ สศค. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติร้านค้าเป็นร้านค้าในโครงการฯ
(4) มท. และกรุงเทพมหานครดำเนินการยืนยันการประกอบกิจการจริงของร้านค้าที่ประสงค์สมัครเข้าร่วมโครงการฯ
5. เห็นชอบให้ สศค. มอบอำนาจให้หน่วยงานในสังกัด มท. ที่ได้รับมอบหมายดำเนินการทางกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ แทน สศค. โดยให้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการมอบอำนาจต่อไป
6. เห็นชอบในหลักการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ และมอบหมาย กค. โดยกรมสรรพากรพิจารณาดำเนินการยกร่างกฏหมายและเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
“ โครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นโครงการตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถึงระดับฐานราก โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้า และบริการที่กำหนดให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในชีวิตประจำวันแก่ประชาชนให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มการบริโภค สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศในช่วงปลายปี 2568 ได้อย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงการคลังประมาณการว่าการดำเนินโครงการฯ จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนประมาณ 88,000 ล้านบาท และช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.21 – 0.22ในปี 2568 เมื่อเทียบกับไม่มีโครงการฯ รวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเอื้อให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ