วันที่ 7 ต.ค.2568 นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยถึงกรณีแพทย์ที่กระทำความผิดในเรื่องของการโฆษณาในสื่อออนไลน์ ว่า สิ่งที่อยากทำความเข้าใจคือแพทยสภาไม่ได้มีการห้ามโฆษณา แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลักๆ คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ข้อบังคับแพทยสภา , กฎหมายของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และ กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายใดกฎหมายหนึ่ง มักจะผิดร่วมมาถึงกฎหมายของแพทยสภา เพราะกฎหมายล้อกันอยู่ จึงมักมีความผิดทั้งคู่ โดยหากผิดกฎหมายของแพทยสภา จะมีบทลงโทษด้านจริยธรรม ส่วนกฎหมายอื่นจะมีโทษปรับด้วย
"บทลงโทษด้านจริยธรรมของแพทยสภา ขั้นต่ำตอนนี้ส่วนใหญ่จะให้พักใช้ใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ ส่วนน้อยที่จะเป็นการตักเตือนหรือภาคทัณฑ์ แพทย์บางคนที่มีความผิดก็อาจจะโดนพักใช้ใบอนุญาตได้เลย ซึ่งขั้นต่ำจะพักใช้ 3 เดือนแล้วแต่ความผิด
ส่วนกฎหมายอื่นอาจจะรุนแรงกว่าแพทยสภา เนื่องจากมีการเปรียบเทียบปรับได้ และถ้าหากไม่ยอมโดนเปรียบเทียบปรับ ก็อาจถูกฟ้องคดีอาญา ซึ่งมีโทษจำคุก
ดังนั้น หมอส่วนใหญ่จะยอมเปรียบเทียบปรับ ซึ่งเมื่อมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเรื่องจะถูกส่งกลับมาที่แพทยสภาเสมอ ก็จะมีบทลงโทษด้านจริยธรรมด้วย ที่ผ่านมาจะไม่กลัว เพราะมีการตักเตือนแต่ตอนนี้มีการพักใช้ใบอนุญาตมากขึ้น หมอหลายคนมักจะยอมเสียค่าปรับแต่ไม่ยอมรับว่ามีการกระทำความผิด ซึ่งในหลักการแล้วการจะเสียค่าปรับได้ นั่นหมายความว่าจะต้องมีการรับความผิด" นพ.เมธี กล่าว
นพ.เมธี กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องกรณีการที่จะโฆษณาได้ต้องมีการขออนุญาตก่อน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูเนื้อหา และต้องโฆษณาไปตามเนื้อหาที่ขออนุญาต และสิ่งเหล่านั้นต้องพิสูจน์ได้ไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่เกินจริง
ส่วนอีกกรณีที่ไม่ได้ขออนุญาตนั้น ส่วนใหญ่มักจะพบเป็นกรณีที่แพทย์ ออกมาให้คำแนะนำว่าสินค้าตัวไหนดี หรือมีการเปรียบเทียบสินค้าหนึ่งกับสินค้าอื่นๆ แม้จะไม่ได้มีการปักตะกร้าสินค้าแต่เนื้อหาเหล่านี้ก็มีความผิดเพราะเป็นการให้ความเห็นและชี้นำ
ซึ่งในต่างประเทศกฎหมายนี้เข้มงวดมากแม้กระทั่งประชาชนด้วยกันเองก็ไม่สามารถทำได้ นอกจากนั้น การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ก็ถือเป็นความผิดการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
"แม้ว่าแพทย์จะไม่สามารถโฆษณายาหรืออาหารเสริมได้ ว่าตัวไหนดียังไง แต่ออกมาให้ความรู้ได้ เช่น ยาพาราเซตามอลมีการใช้อย่างไรและมีข้อควรระวังอย่างไร แต่ถ้าระบุชื่อทางการค้าของยาพาราเซตามอล แบบนี้ผิด เพราะถือว่าเป็นการโฆษณามีบุคคลหนึ่งได้ประโยชน์ หรือถ้าจะบอกว่าอาหารเสริมเป็นน้ำมันตับปลาดีอย่างไร แบบนี้ทำได้ แต่ถ้าบอกว่าดีแล้วมีเรื่องของการชี้นำผลิตภัณฑ์มาเกี่ยวข้อง แบบนี้ทำไม่ได้" นพ.เมธี กล่าว
นพ.เมธี กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนแจ้งเหตุร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งทางนิติกรจะตรวจสอบและสืบหาข้อมูลการเข้าข่ายความผิด จากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการแพทยสภาเพื่อพิจารณา ซึ่งในแต่ละคดีก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
ขณะที่จำนวนคดีที่พิจารณาก็เพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 มีทั้งหมด 355 คำร้อง ปี 2567 มี 476 คำร้อง ซึ่งแพทยสภามีการทยอยพิจารณากันอยู่ อย่างไรก็ตาม ขอให้แพทย์ทุกท่านคำนึงถึงจริยธรรมการเป็นแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อลดโอกาสในการถูกร้องเรียนมายังแพทยสภา