องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้นำคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ผู้บริหารลงพื้นสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จังหวัดเลย เพื่อประชุมรับฟังความเห็นกรณีสร้างรถไฟฟ้าภูกระดึงร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเลย นายประยูร อรัญรุท รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนานั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญต่อโครงการนี้มาก จึงร่วมกันผลักดันต่อเนื่อง เพราะการมีกระเช้าภูกระดึงถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาท่องเที่ยวยั่งยืน สร้างงานสร้างอาชีพ เปิดโอกาสให้ทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้พิการสามารถเข้าถึงภูกระดึงได้ ทำให้เกิดความเท่าเทียม ซึ่งภูกระดึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีความสวยงาม และมีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยว เป็นหัวใจของจังหวัดเลย โดยเชื่อมั่นว่าทุกขั้นตอนจนถึงการก่อสร้างกระเช้าที่เป็นความรับผิดชอบขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. จะอยู่บนพื้นฐานความรอบคอบ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตชุมชน นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย กล่าวว่า ทางอำเภอพยายามมองให้เห็นโอกาส เพราะปัจจุบันสังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ มีกำลังในการใช้จ่าย แต่ไม่มีแรงเที่ยวภูกระดึง การสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง เป็นการเพิ่มโอกาสให้คนทุกช่วงวัยเข้าถึงภูกระดึง
ด้านนายคุณาวุฒิ บุดดาดวง ประธานคณะกรรมการรณรงค์กระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง กล่าวว่า คณะทำงานได้ทำการผลักดันการสร้างกระเช้าภูกระดึงมาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายงไม่มีความคืบหน้า ถึงกระนั้นก็ยังเดินหน้าสนับสนุนโครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงต่อไป เพราะเชื่อว่าตราบใดที่มีลมหายใจเราก็ยังมีความหวัง ส่วน นางสาวจุฑามาศ จิเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ภูกระดึงจะมีกระเช้าไฟฟ้า เพราะจะทำให้เกิดการดึงคนเข้ามาใช้จ่ายในพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดก็ต้องดูเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและขยะควบคู่กันไปด้วย หากสามารถเดินหน้าได้และมีระบบการบริหารจัดการที่ดีจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดเช่นเดียวกับตัวแทนหอการค้าจังหวัดเลย กล่าวว่า ด้านหอการค้าฯอยากข้ามช็อตไปถึงช่วงหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จว่าโครงการดังกล่าวจะมีระบบการบริหารจัดการอย่างไร หน่วยงานใดจะบริหาร ฯลฯ โดยในส่วนของหอการค้าฯ อยากให้มีบริษัทที่เป็นมืออาชีพเข้ามาบริหาร รวมถึงแผนการส่งเสริมและเชื่อมโยงการเดินทาง เช่น การขนส่งผู้โดยสาร ท่ารถโดยสาร ฯลฯ“เชื่อว่าถ้าโครงการก่อสร่างรถไฟฟ้าภูกระดึงแล้วเสร็จและทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น แน่นอนว่าก็ควรพิจารณาเรื่องการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แลเพิ่มงบประมาณในการดูแลด้วยเช่นกัน”
ตัวแทนผู้ประกอบการด้านห้องพัก รีสอร์ต กล่าวว่า ยินดีที่ อพท. จะมาสร้างกระเช้าเพื่อให้คนทุกวัยเข้าถึงอย่างเสมอภาค ที่สำคัญผ่านไปกว่า 20 ปีเศรษฐกิจของภูกระดึงก็ไม่ได้พัฒนาขึ้น ที่พัก ราคา 450 บาท ก็ยังมาต่อราคา 350-400 บาท และบอกว่าแพง ถ้ามีกระเช้าไฟฟ้าจะทำให้มีรายได้ในพื้นที่ดีขึ้น ไม่เฉพาะแค่พื้นที่อำเภอภูกระดึงเท่านั้น อำเภอรอบๆ และจังหวัดใกล้เคียงก็จะได้รับอานิสงค์ไปด้วยโดยนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. กล่าวว่า อพท.ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึวตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเดินหน้าโครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงมาแล้วกว่า 20 ครั้ง โดยล่าสุดมีความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการศึกษา วิจัย และพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว และ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการเพื่อการส่งเสริมการสนับสนุน และการประสานงานในการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยจะลงนามอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2568 นี้
“จากการหารือร่วมกันหลายครั้งที่ผ่านมา อพท.คุยกับระดับองค์กรต่อองค์กรและทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ ว่าการมีกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับคนในท้องถิ่นและจังหวัด ซึ่งทุกคนเห็นด้วยว่าเป็นภาพลักษณ์ของทั้งประเทศ ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนกันอย่างเดียว แต่พยายามเปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังมาตลอด อาทิ เส้นทางที่จะสร้างกระเช้ามีระยะทางประมาณ 4.4 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ถูกเลือกจาก 4 เส้นทางที่ทำการศึกษาว่าสามารถทำได้จริง และไม่บดบังทัศนียภาพของนักท่องเที่ยวที่อยากทดสอบความสามารถทางร่างกายผ่านการเดินเท้าขึ้นไป และการก่อสร้างต้องไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิตของสัตว์ป่า หรือคนในท้องถิ่น“ นายศิริปกรณ์ กล่าว
นายศิริปกรณ์ กล่าวว่า ความคืบหน้ากระเช้าขึ้นภูกระดึงขณะนี้ได้รับงบในการออกแบบก่อสร้างประมาณ 25 ล้านบาท จึงลงนามในสัญญาจ้างออกแบบก่อสร้าง เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 สัญญาเริ่มต้นวันที่ 1 ตุลาคม 2568 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 27 มิถุนายน 2569 (270 วัน) โดยมีคู่สัญญาบริษัท เทสโก้ จำกัด ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเปิดให้บริษัทจำนวน 5 รายเข้ามายื่นเสนอตัวออกแบบก่อสร้าง โดยพิจารณาจากความเหมาะสม กระบวนการสร้างที่ความปลอดภัยแน่นอน เคยทำงานร่วมกับบริษัทกระเช้าระดับโลก และบริษัทที่ได้รับเลือกในการว่าจ้างก็มีประสบการณ์ด้านงานเสาพาดสายของรัฐบและเอกชนมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงเป็นบริษัทคนไทยที่มีเครือข่ายในการทำงานร่วมกับต่างประเทศ
สำหรับแผนงานก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงนั้นปัจจุบันได้ดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้าง ส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการคือ การขยายเวลาศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อออกแบบในเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หลังจากนั้นจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดสรรงบในการก่อสร้าง ขออนุญาตแบบก่อสร้าง และการก่อสร้างต่อกรมอุทยานฯ โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน (ธันวาคม 2569-พฤศจิกายน 2570) ซึ่งหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสาแรกน่าจะปักหมุดได้เดือนธันวาคม 2569 และแล้วเสร็จภายในปี 2570 เพื่อรองรับเทศกาลท่องเที่ยวภูกระดึง หรืออย่างช้าต้นปี 2571 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้างเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท