ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
นายกฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47
26 ต.ค. 2568

นายกฯ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมฯ แบบเต็มคณะ วางแนวทางขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง
พร้อมมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับภาคีภายนอก บนพื้นฐานของ ASEAN Centrality และผลประโยชน์ของประชาชนในภูมิภาค
วันนี้ (วันที่ 26 ตุลาคม 2568) เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) ณ Conference Hall 2 ชั้น 3 ศูนย์ประชุม Kuala Lumpur Convention Centre (KLCC) นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะ (Plenary) โดยมีผู้นำและผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน เลขาธิการอาเซียน นายกรัฐมนตรีแคนาดา นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ประธานคณะมนตรียุโรป และกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้าร่วม โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของถ้อยแถลง ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น โดยการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีการประชุมพหุภาคีครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ตลอดจนแสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับติมอร์-เลสเต เป็นสมาชิกอาเซียน โดยไทยพร้อมสนับสนุนติมอร์-เลสเต ในการดำเนินการตามกระบวนการเข้าสู่อาเซียนต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำบทบาทของอาเซียนในการเป็นเสาหลักของนโยบายต่างประเทศของไทย โดยไทยพร้อมทำงานร่วมกับประเทศสมาชิก เพื่อผลักดันประโยชน์ที่แท้จริงมาสู่ประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1. การสร้างประชาคมอาเซียนที่มั่นคงปลอดภัยสำหรับประชาชน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้น นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน ทั้งอาชญากรรมทางไซเบอร์ การหลอกลวงทางออนไลน์ และการค้ามนุษย์ โดยไทยพร้อมทำงานกับประเทศสมาชิกอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับภัยคุกคามร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และการปฏิบัติการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งปกป้องคุณภาพชีวิตของประชาชนจากมลพิษข้ามพรมแดน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และโรคระบาด ผ่านการเร่งเสริมศักยภาพของศูนย์อาเซียนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED)
2. การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านการบูรณาการทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่อาเซียนสามารถลงนามในความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) ฉบับปรับปรุง และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน–จีน ฉบับที่ 3 ได้ในระหว่างการประชุมสุดยอดครั้งนี้ พร้อมหวังว่าอาเซียนจะสามารถลงนามในกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ได้ภายในปีหน้า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการลงทุนในพลังงานสะอาด โครงการโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) รวมถึงการเงินสีเขียว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
3. การเสริมสร้างสันติภาพและเสถียรภาพ โดยยึดมั่นต่อระบบที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์ เพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมทั้งส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับภาคีภายนอก ภายใต้มุมมองอาเซียนต่ออินโด - แปซิฟิก (ASEAN Outlook on the Indo-Pacific: AOIP) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ (Strategic Autonomy) ของอาเซียน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก ในฐานะพลังแห่งสันติภาพ ความมั่งคั่ง และความก้าวหน้า
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต่อความสำเร็จในการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซียในปีนี้ และพร้อมสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการเป็นประธานอาเซียนปีหน้า ซึ่งเป็นปีที่อาเซียนจะขับเคลื่อน “วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045” ร่วมกัน
ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะ ที่ประชุมได้ร่วมกันรับรองเอกสารการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน 16 ฉบับ และมาเลเซียได้ออกแถลงการณ์ของประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 (Chairman’s Statement of the 47th ASEAN Summit) จำนวน 1 ฉบับ หลังจากนั้น ผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบสารแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) ฉบับที่ 2 
 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16-31 ตุลาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
15 ต.ค. 2568
กล่าวได้ว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปโตย และก็กล่าวได้อีกเช่นกัน ว่า รัฐธรรมนูญ 2540 คือต้นธารที่ส่งผลให้การ กระจายอำนาจสู่ห้องถิ่นของประเทศไทยมีความ สำคัญมากขึ้นมาเป็นลำดับซึ่งแม้ในตลอด 20 กว่าปี ที่ผ่านม...