CIBA DPU ปลุกศักยภาพนักการตลาดรุ่นใหม่ ผ่านกลยุทธ์ “Sensory Marketing” กับแบรนด์ TYME ถ่ายทอดศาสตร์แห่งกลิ่น สร้างแบรนด์ให้จดจำในใจผู้คน
วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดโลกการเรียนรู้แนวใหม่ให้แก่นักศึกษา ผ่านกิจกรรมบรรยายพิเศษหัวข้อ “TYME กับกลยุทธ์ Sensory Marketing สร้างแบรนด์และการรับรู้ผ่านกลิ่น” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจศาสตร์การตลาดเชิงประสบการณ์ที่กำลังเป็นที่นิยมในระดับโลก ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างความรู้สึก ความทรงจำ และอารมณ์ร่วมระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ จัดขึ้น ณ ห้อง Cozy space อาคาร 1 ชั้น 3 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

กิจกรรมในครั้งนี้เชิญ นางสาวอังค์วรา จันทร์สกาวรัตน์ เจ้าของแบรนด์เครื่องหอม TYME (ธามม์) และผู้บริหาร บริษัท มิธ แอนด์ มอร์ จำกัด มาร่วมถ่ายทอดแนวคิดของ Sensory Marketing หรือการตลาดเชิงประสาทสัมผัส ซึ่งเป็นศาสตร์การตลาดที่ใช้ประสบการณ์จากการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส รส และกลิ่น เพื่อสร้างการจดจำเชิงอารมณ์และความผูกพันระยะยาวกับผู้บริโภค

อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมนี้ว่า CIBA ต้องการให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อเข้าใจหัวใจของการตลาดยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงการขายสินค้า แต่คือการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกและจดจำได้ กิจกรรมลักษณะนี้คือการเรียนรู้แบบ Experiential Learning ที่สะท้อนปรัชญาของ CIBA อย่างแท้จริง เพราะโลกธุรกิจปัจจุบันต้องการคนที่คิดเชิงกลยุทธ์ได้ เข้าใจผู้คน และสร้างคุณค่าให้แบรนด์ได้จริง
“ภายในกิจกรรม นักศึกษาได้เข้าร่วม Workshop สร้างสรรค์กลิ่นแบรนด์ (Scent Identity Workshop) ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทดลองออกแบบ “กลิ่นแห่งตัวตน” ของตนเอง เรียนรู้การเลือกวัตถุดิบ การผสมกลิ่น และการเชื่อมโยงอารมณ์ของกลิ่นเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งทำให้นักศึกษาได้ฝึกวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ และเข้าใจว่าการสร้างแบรนด์ที่ดีเริ่มจากความเข้าใจในผู้คนและความรู้สึกของผู้บริโภค” อาจารย์สุรชัย กล่าว

ด้านนางสาวอังค์วรา เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ TYME มาจากความเชื่อที่ว่า กลิ่นคือเอกลักษณ์ที่ไม่ต้องมองเห็น แต่สามารถทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ในทันที เพราะกลิ่นผูกพันกับอารมณ์และความทรงจำของมนุษย์โดยธรรมชาติ โดยในยุคที่ผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อเพียงจากราคา แต่เลือกแบรนด์ที่ทำให้รู้สึก “ดี” และ “มีความหมาย” การออกแบบกลิ่นที่สื่อถึงตัวตนและอารมณ์ของแบรนด์ จึงกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่สร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ให้ลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อแบบไม่ต้องพึ่งโฆษณา ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Customer Experience มากกว่าการทำตลาดเชิงราคา

หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม “นางสาวอริสสา มากเจริญ” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ เล่าว่า ตนรู้สึกประทับใจที่ได้ลองผสมกลิ่นด้วยตัวเอง เห็นเลยว่าความหอมไม่ใช่แค่รสนิยม แต่คือกลยุทธ์ที่ต้องเข้าใจจิตใจลูกค้าจริง ๆ คือการสื่อสารแบบที่ไม่ต้องใช้คำพูด
ขณะที่นายสุทธิพงษ์ จิตเมธากุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวด้วยความประทับใจว่า ตนเพิ่งเข้าใจจริง ๆ ว่าการตลาดไม่ใช่แค่การพูดให้คนซื้อ แต่คือการสร้างความรู้สึกบางอย่างให้ลูกค้าจำเราได้ กลิ่นอาจเป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่กลับสร้างภาพจำและความรู้สึกดีที่ยาวนานกว่าเสียงหรือภาพโฆษณา
.jpg)
สำหรับบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ นักศึกษาได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจริง และทำให้ค้นพบว่าการตลาดในโลกยุคใหม่คือการออกแบบ “ประสบการณ์” มากกว่าการออกแบบ “ข้อความ” ทุกคนได้กลับออกไปพร้อมความเข้าใจใหม่ว่า “แบรนด์” ไม่ได้เป็นเพียงตราสัญลักษณ์ แต่คือสิ่งที่ทำให้ผู้คน “รู้สึก” และ “จดจำ”