ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
CIBA DPU ปลุกศักยภาพนักการตลาดรุ่นใหม่
27 ต.ค. 2568

CIBA DPU ปลุกศักยภาพนักการตลาดรุ่นใหม่ ผ่านกลยุทธ์ “Sensory Marketing” กับแบรนด์ TYME ถ่ายทอดศาสตร์แห่งกลิ่น สร้างแบรนด์ให้จดจำในใจผู้คน

วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดโลกการเรียนรู้แนวใหม่ให้แก่นักศึกษา ผ่านกิจกรรมบรรยายพิเศษหัวข้อ “TYME กับกลยุทธ์ Sensory Marketing สร้างแบรนด์และการรับรู้ผ่านกลิ่น” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักศึกษาได้เข้าใจศาสตร์การตลาดเชิงประสบการณ์ที่กำลังเป็นที่นิยมในระดับโลก ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นการขายสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างความรู้สึก ความทรงจำ และอารมณ์ร่วมระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ จัดขึ้น ณ ห้อง Cozy space อาคาร 1 ชั้น 3 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

กิจกรรมในครั้งนี้เชิญ  นางสาวอังค์วรา จันทร์สกาวรัตน์ เจ้าของแบรนด์เครื่องหอม TYME (ธามม์) และผู้บริหาร บริษัท มิธ แอนด์ มอร์ จำกัด มาร่วมถ่ายทอดแนวคิดของ Sensory Marketing หรือการตลาดเชิงประสาทสัมผัส ซึ่งเป็นศาสตร์การตลาดที่ใช้ประสบการณ์จากการมองเห็น การได้ยิน การสัมผัส รส และกลิ่น เพื่อสร้างการจดจำเชิงอารมณ์และความผูกพันระยะยาวกับผู้บริโภค 

อาจารย์สุรชัย สวนทับทิม รองคณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมนี้ว่า CIBA ต้องการให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง เพื่อเข้าใจหัวใจของการตลาดยุคใหม่ ไม่ใช่เพียงการขายสินค้า แต่คือการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกและจดจำได้ กิจกรรมลักษณะนี้คือการเรียนรู้แบบ Experiential Learning ที่สะท้อนปรัชญาของ CIBA อย่างแท้จริง เพราะโลกธุรกิจปัจจุบันต้องการคนที่คิดเชิงกลยุทธ์ได้ เข้าใจผู้คน และสร้างคุณค่าให้แบรนด์ได้จริง

“ภายในกิจกรรม นักศึกษาได้เข้าร่วม Workshop สร้างสรรค์กลิ่นแบรนด์ (Scent Identity Workshop) ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทดลองออกแบบ “กลิ่นแห่งตัวตน” ของตนเอง เรียนรู้การเลือกวัตถุดิบ การผสมกลิ่น และการเชื่อมโยงอารมณ์ของกลิ่นเข้ากับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งทำให้นักศึกษาได้ฝึกวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ และเข้าใจว่าการสร้างแบรนด์ที่ดีเริ่มจากความเข้าใจในผู้คนและความรู้สึกของผู้บริโภค” อาจารย์สุรชัย กล่าว

ด้านนางสาวอังค์วรา เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของแบรนด์ TYME มาจากความเชื่อที่ว่า กลิ่นคือเอกลักษณ์ที่ไม่ต้องมองเห็น แต่สามารถทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ในทันที เพราะกลิ่นผูกพันกับอารมณ์และความทรงจำของมนุษย์โดยธรรมชาติ โดยในยุคที่ผู้บริโภคไม่ได้ตัดสินใจซื้อเพียงจากราคา แต่เลือกแบรนด์ที่ทำให้รู้สึก “ดี” และ “มีความหมาย” การออกแบบกลิ่นที่สื่อถึงตัวตนและอารมณ์ของแบรนด์ จึงกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังที่สร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ให้ลูกค้าและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อแบบไม่ต้องพึ่งโฆษณา ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Customer Experience มากกว่าการทำตลาดเชิงราคา

หนึ่งในนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม “นางสาวอริสสา มากเจริญ” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ เล่าว่า ตนรู้สึกประทับใจที่ได้ลองผสมกลิ่นด้วยตัวเอง เห็นเลยว่าความหอมไม่ใช่แค่รสนิยม แต่คือกลยุทธ์ที่ต้องเข้าใจจิตใจลูกค้าจริง ๆ คือการสื่อสารแบบที่ไม่ต้องใช้คำพูด

ขณะที่นายสุทธิพงษ์ จิตเมธากุล นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวด้วยความประทับใจว่า ตนเพิ่งเข้าใจจริง ๆ ว่าการตลาดไม่ใช่แค่การพูดให้คนซื้อ แต่คือการสร้างความรู้สึกบางอย่างให้ลูกค้าจำเราได้ กลิ่นอาจเป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่กลับสร้างภาพจำและความรู้สึกดีที่ยาวนานกว่าเสียงหรือภาพโฆษณา

สำหรับบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ นักศึกษาได้เรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติจริง และทำให้ค้นพบว่าการตลาดในโลกยุคใหม่คือการออกแบบ “ประสบการณ์” มากกว่าการออกแบบ “ข้อความ” ทุกคนได้กลับออกไปพร้อมความเข้าใจใหม่ว่า “แบรนด์” ไม่ได้เป็นเพียงตราสัญลักษณ์ แต่คือสิ่งที่ทำให้ผู้คน “รู้สึก” และ “จดจำ”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16-31 ตุลาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
15 ต.ค. 2568
กล่าวได้ว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปโตย และก็กล่าวได้อีกเช่นกัน ว่า รัฐธรรมนูญ 2540 คือต้นธารที่ส่งผลให้การ กระจายอำนาจสู่ห้องถิ่นของประเทศไทยมีความ สำคัญมากขึ้นมาเป็นลำดับซึ่งแม้ในตลอด 20 กว่าปี ที่ผ่านม...