ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
กฟผ. จัดกิจกรรม “กินข้าวเล่าเรื่อง” กับสื่อมวลชนจังหวัดน่าน
29 ต.ค. 2568

เดินหน้าภารกิจดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้า เพิ่มพลังงานสะอาดจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ความมั่นคงทางพลังงานและค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม
วันที่ 28 ตุลาคม 2568 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดกิจกรรม “กินข้าวเล่าเรื่อง” กับสื่อมวลชนจังหวัดน่าน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านพลังงานและแนวทางการดำเนินงานของ กฟผ. ในการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ พร้อมผลักดันการใช้พลังงานสะอาดจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและสร้างเสถียรภาพทางพลังงานในระยะยาว


นายบุญมา พูชิน ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างระบบส่ง กฟผ. เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานโลกที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของประเทศ กฟผ. ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีภารกิจด้านความมั่นคงไฟฟ้า จึงบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้มีความสมดุลและหลากหลาย เพื่อให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง และในราคาที่เหมาะสม
หนึ่งในแนวทางสำคัญ คือ การรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ซึ่งไทยและลาวได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อขยายกรอบการรับซื้อไฟฟ้าจาก 9,000 เมกะวัตต์ เป็น 10,500 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP2018 Rev.1) ที่กำหนดให้ไทยรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศในสัดส่วนร้อยละ 10 ของกำลังผลิตทั้งหมด
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มอบหมายให้ กฟผ. ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง จำนวน 1,460 เมกะวัตต์ และ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง จำนวน 912 เมกะวัตต์ เพื่อส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานสะอาดที่มั่นคง และต้นทุนต่ำกว่าการผลิตไฟฟ้าในประเทศ
สำหรับ โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ นั้น มีเป้าหมายเพื่อรองรับไฟฟ้าที่รับซื้อมาจาก สปป.ลาว โดยเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มีความจำเป็นของประเทศ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัย เสถียร และไม่เป็นภาระต่อประชาชนในระยะยาว
นายบุญมา กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. ให้ความสำคัญต่อการใช้พื้นที่และสิ่งแวดล้อม โดยได้จัดทำรายงาน EIA และ IEE ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว พร้อมดำเนินการปลูกป่าทดแทนเพื่อชดเชยพื้นที่ป่าที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ไม้ที่ได้จากการใช้พื้นที่จะอยู่ในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐตามระเบียบ ไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของ กฟผ.


นอกจากนี้ โครงการฯ ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น และส่งเสริมเศรษฐกิจระดับจังหวัด ขณะเดียวกัน กฟผ. ยังดำเนินกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง เช่น
โครงการแว่นแก้ว
โครงการ “น่าน Light Up & Smart City”
โครงการกล้าดี
การมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
รวมถึงการร่วมงานประเพณีท้องถิ่นกับชุมชน เพื่อให้การพัฒนาเดินหน้าเคียงข้างกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
โครงการพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ และอุตรดิตถ์ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าไทย ที่จะช่วยให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ มั่นคง ยั่งยืน และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวทั่วประเทศ

@@@@@@@@@@

กัลยา สองเมืองแก่น จ.น่าน

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16-31 ตุลาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
15 ต.ค. 2568
กล่าวได้ว่าการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญต่อการปกครอง ในระบอบประชาธิปโตย และก็กล่าวได้อีกเช่นกัน ว่า รัฐธรรมนูญ 2540 คือต้นธารที่ส่งผลให้การ กระจายอำนาจสู่ห้องถิ่นของประเทศไทยมีความ สำคัญมากขึ้นมาเป็นลำดับซึ่งแม้ในตลอด 20 กว่าปี ที่ผ่านม...