นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการจัดระเบียบถนนข้าวสารเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมี ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว สำนักเทศกิจ สำนักพัฒนาสังคม สำนักงานเขตพระนคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กองอำนวยการร่วมรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องเอราวัณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้กรุงเทพมหานครได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือการจัดระเบียบการค้าขายบริเวณถนนข้าวสาร ซึ่งได้มีการพิจารณาหลายเงื่อนไขเพื่อที่จะทำให้ถนนข้าวสารเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือแลนมาร์คของกรุงเทพมหานคร และผู้ค้าสามารถทำการค้าได้อย่างถูกกฎหมาย เบื้องต้นที่ประชุมมีข้อสรุปว่า กรุงเทพมหานครจะดำเนินการร่างประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดจุดผ่อนผัน บริเวณถนนข้าวสารและบริเวณโดยรอบ โดยจะใช้มาตรา 20 ตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ซึ่งสามารถพิจารณาอนุญาตให้มีการทำการค้าได้ ซึ่งจากการหารือร่วมกับ บช.น. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เวลาที่เหมาะสมให้สามารถทำการค้า คือระหว่าง 16.00 - 24.00 น. และขนาดแผงค้าที่เหมาะสมคือ 1.5 x 1 เมตร ทั้งนี้ให้สำนักงานเขตพระนครดำเนินการพิสูจน์สิทธิผู้ค้าว่าเป็นผู้ค้าตัวจริง ภายในเวลา 10 วัน โดยจะให้สิทธิ์ทำการค้า 1 คนต่อ 1 แผง รวมถึงปรับลดขนาดแผงค้าจากที่เป็นอยู่ให้เท่ากับขนาดที่ กทม.กำหนด เพื่อให้สอดคล้องกับร่างประกาศฯ ที่จะออก โดยระหว่างนี้จะยังคงอนุโลมให้ผู้ค้าถนนข้าวสารทำการค้าได้ ระหว่างเวลา 18.00 - 24.00 น. จนกว่าจะออกประกาศกรุงเทพมหานครได้ ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้ การออกประกาศดังกล่าว จะครอบคลุมรวมไปถึงการจัดระเบียบถนนบริเวณโดยรอบ อาทิ ถนนจักรพงษ์ ถนนรามบุตรี ถนนไกรสีห์ และถนนสิบสามห้างด้วย ซึ่งจะมีการทำประชาพิจารณ์ เชิญผู้ค้า และเจ้าของตึกแถวมาร่วมแสดงความคิดเห็นก่อนการจัดระเบียบ
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า เมื่อกรุงเทพมหานครออกประกาศจุดผ่อนผันแล้ว การค้าบริเวณถนนข้าวสารจะต้องถูกกฎหมาย ไม่อนุญาตให้ทำการค้าขายสินค้าที่ผิดกฎหมายหรือละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงผู้ค้าต่างด้าว ส่วนหากพื้นที่อื่นๆ ที่ กทม. จัดระเบียบหรือยกเลิกจุดผ่อนผันไปแล้ว ต้องการขอกลับมาค้าขายอีกนั้น ต้องดูสภาพแวดล้อมว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ มีความเหมาะสมกับพื้นที่โดยรวม มีความเป็นอัตลักษณ์ และไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรในวงกว้าง