ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 68 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ยังพบว่า น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายังมีน้ำมากขึ้น เนื่องจากการปล่อยน้ำเหนือเขื่อน จำนวน 2,900 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 12 พ.ย. เป็นเหตุให้น้ำได้เอ่อสูงขึ้น จนบางแห่งล้นทะลักจากแนวคันกั้นน้ำ ไหลทะลักเข้าตามหมู่บ้านและชุมชนบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสามโคกและพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็จะเป็นผู้ที่มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ถูกน้ำท่วมมานานกว่า 3 เดือน
โดยในวันนี้ (14 พ.ย. 68) ที่วัดบางหลวง ต.บางหลวง อ.เมือง จ.ปทุมธานี น.ส.สุกาญญา ดีสวัสดิ์ (นายกเจี๊ยบ) นายกเทศมนตรีตำบลบางหลวง ได้มีการแจกถุงยังชีพอีกครั้ง ให้กับชาวบ้าน ม.3 และ ม.4 ต.บ้านฉาง ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยเฉพาะชาวชุมชนเกาะลอย ม.4 ต.บ้านฉาง ได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะบ้านเรือนอยู่ติดริมแม่น้ำจำนวนกว่า 150 หลังคาเรือน โดยการแจกถุงยังชีพในครั้งนี้ มีพระศรีวัชรปัทมคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองปทุมธานี (เจ้าอาวาสวัดบางหลวง) และนายรามธนะ วิจิตรการ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลบางหลวง พร้อมทีมงานสมาชิกสภาเทศบาลฯ ปลัดเทศบาลฯและหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้าน รวมทั้งหมด 350 ครอบครัว
นอกจากนี้ น.ส.สุกาญญา ดีสวัสดิ์ (นายกเจี๊ยบ) นายกเทศมนตรีตำบลบางหลวง พร้อมคณะยังได้นำถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่มลุยน้ำที่สูงกว่า 1.50 เมตร เข้าไปมอบให้กับผู้สูงอายุ ภายในชุมชนเกาะลอย
ทำให้ชาวบ้านในชุมชนเมื่อเห็นนายกซึ่งเป็นผู้หญิง ยอมลุยน้ำเกือบถึงเอว เข้ามามอบถุงยังชีพ ทำให้ทุกคนต่างชื่นชมพร้อมกับบอกว่า เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกว่า ที่ไหนมีแบบนี้ เพราะตนอยู่ที่นี่มาก็ไม่เคยเห็น แต่นี่เป็นนายกคนแรกของเทศบาลตำบลบางหลวง ที่ลุยน้ำเข้ามาดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน เช่นเดียวกับ สท.ที่เป็นห่วงชาวบ้าน ได้เข้ามาสอบถามและคอยใช้การช่วยเหลือกับชาวบ้านมาโดยตลอด
น.ส.สุกาญญา ดีสวัสดิ์ (นายกเจี๊ยบ) นายกเทศมนตรีตำบลบางหลวง กล่าวว่า วันนี้ก็ได้มีการมอบถุงยังชีพ ซึ่งมีทั้งข้าวสารอาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมและยาเวชภัณฑ์ รวมทั้งน้ำดื่ม มามอบให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 350 หลังคาเรือน นอกจากนี้ยังได้รับความเมตตาจาก พระศรีวัชรปัทมคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองปทุมธานี (เจ้าอาวาสวัดบางหลวง) พร้อมให้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพผู้ประสบภัยพักพิงชั่วคราว ที่ศาลาหลังใหญ่ของวัด ซึ่งหากมีความจำเป็นที่ชาวบ้านเดือดร้อนทางวัดก็พร้อมจัดสถานที่ให้กับทุกคน แต่ทางตนและทีมงานก็ได้มีการสอบถามชาวบ้านที่ได้ความเดือดร้อนทุกคน แต่ก็ยังไม่มีใครที่อยากจะทิ้งบ้านของตัวเอง เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทั้งเป็นห่วงทรัพย์สินภายในบ้านและบางรายก็เป็นห่วงสัตว์เลี้ยง ซึ่งทุกคนต่างก็บอกว่าสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่คู่กับน้ำท่วมได้ ในช่วงนี่เพียงแต่ขอให้เจ้าหน้าที่ทางหน่วยงาน ราชการ หรือหน่วยงานท้องถิ่น เข้ามาดูแลทุกข์สุขในช่วงที่น้ำท่วมครั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ทางรัฐบาลมีการเยียวยาให้ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบครอบครัวละ 9,000 บาทนั้น ตนก็ได้ให้ผู้ที่ได้ความเดือดร้อนไปกรอกเอกสารพร้อมแนบหลักฐานตามความเป็นจริงให้เรียบร้อยแล้วรีบนำมามอบให้ทางเจ้าหน้าที่ทางเทศบาลฯ เพื่อจะได้รีบดำเนินการให้ชาวบ้านได้รับเงินเยียวยาเร็วที่สุด
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม หน.ข่าวภูมิภาค