เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2568 ที่หมู่บ้านชายแดนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่กระสุนตกและอยู่ห่างแนวชายแดนประมาณ 10 กิโลเมตร ผู้สื่อข่าวพบว่า ตลอดเส้นทางในหมู่บ้าน ชาวบ้านจำนวนมากต่างนำข้าวเปลือกออกมาตากเต็มถนน เนื่องจากต้องเร่งทำให้แห้งไว้ก่อน หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด ข้าวเหล่านี้เป็นเสบียงสำคัญสำหรับเก็บกินตลอดทั้งปี แม้จะมีความกังวลต่อสถานการณ์ชายแดน แต่ทุกครัวเรือนต่างเตรียมความพร้อม หากเจ้าหน้าที่แจ้งให้มีการอพยพก็พร้อมทันที บางรายถึงขั้นตัดสินใจขายข้าวตั้งแต่ยังชื้นเพื่อให้ทันต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

นางหนูแดง ไชยมีแรง อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 500 บ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 12 เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนยังสร้างความกังวลใจ แต่ครอบครัวได้เตรียมเก็บข้าวของจำเป็นไว้พร้อมแล้ว ครั้งก่อนต้องอพยพไปไกลถึง จ.อำนาจเจริญ เนื่องจากมีผู้พิการในครอบครัว การพักตามศูนย์อพยพไม่สะดวกนัก จึงเพียงลงทะเบียนอพยพไว้กับทางอำเภอ วันเกิดเหตุในครั้งนั้นกำลังดำนาอยู่ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้ง ทำให้ต้องทิ้งนาข้าวอพยพหนี ส่งผลให้ปีนี้ผลผลิตข้าวลดลงกว่าปีที่ผ่านมา แม้นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่มั่นใจ

อยากให้ทหารจัดการปัญหาให้จบ เพราะสงสารเจ้าหน้าที่แนวหน้าที่ต้องทำงานหนัก หากทุกอย่างยุติลงอย่างเด็ดขาดและสถานการณ์สงบ ชาวบ้านก็จะรู้สึกปลอดภัยและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ แต่หากยืดเยื้อเช่นนี้ ชาวบ้านต่างก็อยู่ในภาวะกังวลใจและไม่เป็นสุข

ด้าน นายสมบูรณ์ พวงพันธ์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล หมู่ที่ 12 เช่นกัน กำลังเร่งตากข้าวเปลือกอยู่เช่นเดียวกัน โดยเล่าว่าในวันที่เกิดเหตุระเบิด ทั้งครอบครัวได้อพยพไปยังศูนย์อพยพทันที ขณะเดียวกันบ้านของตนยังถูกสะเก็ดระเบิดตกใส่หลังคาสังกะสีจนเป็นรูเล็กน้อย นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะนี้จึงเร่งตากข้าวให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมหากต้องอพยพอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านหลายครัวเรือนต่างเร่งตากข้าวให้เสร็จโดยเร็ว และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา แม้ความกังวลจะยังปกคลุมทั้งหมู่บ้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีที่นาอยู่ติดแนวชายแดน รถเกี่ยวข้าวไม่กล้าเข้าไปทำงานเพราะเสี่ยงอันตราย ทำให้ต้องยอมปล่อยข้าวทิ้งไว้ก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.


ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน