ลั่นกลองปฏิรูปครั้งใหญ่ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชาธิปก สถาบันพระปกเกล้าเปิดตัวคณะกรรมการบริหารหลักสูตร ประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) ชุดใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ประกาศทิศทางใหม่ “ยกเครื่องเนื้อหา–ยกทีมผู้นำ” เน้นลงพื้นที่จริง แก้ปัญหาสังคมเชิงราก พร้อมปูเส้นทางสร้างเครือข่ายผู้นำสันติสุขทั่วประเทศ
เวทียิ่งใหญ่ภายในงาน โดย รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันฯ ขึ้นกล่าวปาฐกถาประกาศโรดแมปใหม่ พร้อมเปิดชื่อ “บิ๊กเนม” นั่งคุมหลักสูตรชุดนี้แบบคับคั่ง
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขึ้นแท่น ประธานกรรมการหลักสูตร พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการหลักสูตร
สองเสาหลักผู้เชี่ยวชาญงานความมั่นคง การบริหารพื้นที่ และการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ถูกคาดหวังว่าจะพาหลักสูตร สสสส. “ยกระดับทั้งสนามคิด–สนามปฏิบัติ” เสริมด้วยทีมผู้ทรงคุณวุฒิอีก 19 ราย มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สันติสุขระดับชาติให้เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
เลขาธิการสถาบันฯ ตอกย้ำบทบาท “คลังสมองของประเทศด้านนิติบัญญัติ” พร้อมชูหลักสูตร สสสส. ให้เป็น เครื่องยนต์ผลิตผู้นำสันติสุขรุ่นใหม่ ที่ทำงานบนฐานข้อมูลจริง ไม่ใช่ทฤษฎีลอยๆ ชี้ยุคนี้ต้องคนทำงานในพื้นที่แบบลงลึก มองปัญหาข้ามศาสตร์ และข้ามหน่วยงาน
ไฮไลต์อีกช่วง คือเวทีเสวนาวิชาการเข้มข้นหัวข้อ “ความเข้าใจ MOU 43–44 ไทย–กัมพูชา : จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ” ขุดลึกตั้งแต่ประวัติศาสตร์ กฎหมาย เทคนิคปักปันเขตแดน จนถึงความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ เรียกความสนใจจากนักวิชาการ–ฝ่ายความมั่นคงเต็มห้องประชาธิปก
บรรยากาศทั้งงานถูกจับตามองว่าเป็น “สัญญาณจุดเปลี่ยน” ในการสร้างผู้นำสันติสุขยุคใหม่ ท่ามกลางบริบทประเทศที่กำลังเผชิญความขัดแย้งซับซ้อน ปัญหาเชิงพื้นที่ทวีความเข้มข้น
ไม่หมดแค่นั้น เลขาธิการสถาบันฯ ยังประกาศนโยบาย “ปฏิรูปสถาบันพระปกเกล้าเต็มรูปแบบ” เลิกระบบดูงานต่างประเทศแบบ ชะโงกทัวร์ พร้อมออกมาตรการเข้ม ผู้สมัครทุกคนต้องยื่น Self-Declaration เปิดเผยประวัติสัญญาภาครัฐ ป้องกันการเข้าหลักสูตรเพียงเพื่อ “หางาน” ก่อนตอกย้ำว่า “เกียรติยศของสถาบันฯ คือ เสาหลักสูงสุด”
งานนี้ สถาบันพระปกเกล้าส่งสัญญาณชัด การสร้างสังคมสันติสุข ต้องเริ่มจากการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่คิดเป็น ทำเป็น และกล้าชนปัญหาในสนามจริง