เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568  นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนางศรินทิพย์ ศีลาเทวากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการจังหวัดกระบี่ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯให้มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ โดยมีนายสุวิทย์ สุริยะวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการส่วนกลางที่ประจำอยู่ในจังหวัดกระบี่ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ผู้บริหารสถาบันการศึกษา นายอำเภอ และนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ เข้าร่วมรับมอบนโยบาย ณ ห้องประชุมพนมเบญจา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกระบี่

นายอังกูร กล่าวว่า ตนย้ายจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 รวมเวลาที่ย้ายไปกว่า 40 วัน การกลับมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ พร้อมสานต่อภารกิจเพื่อให้ “กระบี่เป็นพื้นที่ปลอดภัย เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก” ซึ่งเป็นคำขวัญของจังหวัดกระบี่อยู่แล้ว แต่ได้เพิ่มคำว่า “กระบี่พื้นที่ปลอดภัย” ไว้ด้านหน้าคำขวัญ เนื่องจากกระบี่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลัก จึงต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ การทำงานต้องให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลทุกเรื่อง โดยยึดหลัก 5 ด้านคือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง ด้านสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย โดยมี 15 นโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนและมหาดไทยทำทันที สำหรับการสานต่อภารกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดกระบี่ “กระบี่พื้นที่ปลอดภัย” เช่น พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เอื้อต่อความปลอดภัยของประชาชน/ติดตั้ง CCTV ซ่อมแซมถนน ทางเท้า พื้นที่สาธารณให้มั่นคง แข็งแรง/มุ่งปราบปรามยาเสพติดและอบายมุขทุกรูปแบบ/จัดระเบียบสังคมเข้มข้น ต้องไม่มีบ่อนการพนันและสถานบริการที่ผิดกฎหมาย “เมืองน่าอยู่” เช่น เมืองสะอาด มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย/ปรับปรุงภูมิทัศน์ และพื้นที่สาธารณะให้สะอาดสวยสดงดงาม การท่องเที่ยวยั่งยืน เป็นต้น “ผู้คนน่ารัก” เช่น การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างทันท่วงที/การบริการประชาชน/อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน เพื่อสร้างความประทับใจ การบริหารงานยังคงยึดแบบหัวรถจักรรถไฟ 4 ขบวน คือ ด้านเศรษฐกิจ/สังคม ด้านท่องเที่ยว ด้านความมั่นคง และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวขบวน ส่วนภายในโบกี้แต่ละขบวนจะมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย

นายอังกูรย้ำว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำหนด 4 วาระบำเพ็ญกุศล “พระพันปีหลวง” ทั่วประเทศ คือ 30 ตุลาคม 2568 ครบ 7 วัน (สัตตมวาร) 7 พฤศจิกายน 2568 ครบ 15 วัน (ปัณรสมวาร) 12 ธันวาคม 2568 ครบ 50 วัน (ปัญญาสมวาร) และ 31 มกราคม 2569 ครบ 100 วัน (สตมวาร) และในช่วงระยะเวลา 100 วันแห่งการสวรรคต กระทรวงมหาดไทยกำหนดจัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดี” ทั่วประเทศ ดังนั้น จังหวัดกระบี่ จึงได้กำหนดจัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดีของชาวกระบี่” โดยจะจัดให้สมพระเกียรติสูงสุด ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569

ด้านนางศรินทิพย์ ศีลาเทวากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ มีภารกิจตามพันธกิจของสภากาชาดไทย ประกอบด้วย 4 ด้าน ได้แก่ การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย การบริการโลหิต และการส่งเสริมคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ จะยังคงสานต่อโครงการพิเศษ 2 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมสุขภาพอนามัยในช่องปากเด็ก “เปลี่ยนแปรงเล็ก ๆ เพื่อเด็กฟันดี” และโครงการเปลี่ยนปลั๊กไฟป้องกันอัคคีภัยบ้านกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งขอยืนยันว่า ปีนี้ยังคงมีการจัดงานกาชาดจังหวัดกระบี่เช่นเดิม แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์