วันนี้ (20 สิงหาคม 2561) เวลา 12.30 น. ณ ท่าเรือระนอง บ้านเขานางหงส์ ตำบลปากน้ำ อำเมืองระนอง จังหวัดระนอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการบริหารจัดการท่าเรือระนอง (ท่าเรือในการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน เชื่อมโยงเส้นทางการค้ากับประเทศแถบเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา) ซึ่งท่าเรือระนองเป็นประตูการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศในซีกตะวันตก โดยเส้นทางการเดินเรือมีความสะดวก ไม่ต้องไปถ่ายลำที่สิงคโปร์ สามารถย่นระยะเวลาในการเดินทางและลดต้นทุนการขนส่งสินค้าในจังหวัดระนอง รองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นเมืองท่าการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน
อีกทั้ง เป็นประตูเศรษฐกิจสู่เมียนมา สามารถเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและประเทศในกลุ่ม BIMSTEC รองรับการให้บริการขนส่งสินค้าโดยระบบตู้สินค้าจากท่าเรือระนองไปท่าเรือในย่างกุ้ง ย่นระยะเวลาการขนส่งลงกว่า 3 เท่า เพื่อโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ ลดระยะเวลาเหลือเพียง 4 – 7 วันเท่านั้น เมื่อเทียบกับเส้นทางที่ผู้ประกอบการใช้ในปัจจุบัน ที่ต้องผ่านท่าเรือกรุงเทพฯ หรือท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนจะอ้อมผ่านสิงคโปร์ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 15 – 20 วัน การผลักดันท่าเรือระนองเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ชายแดนฝั่งอันดามันเพื่อรองรับ IMT-GT และกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอ่าวเบงกอล เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบก ทางรถไฟ ทางอากาศ และท่าเรือ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทำพิธีส่งมอบปะการังเทียมให้แก่ผู้แทนชุมชน ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมืองระนอง จำนวน 1,016 แท่ง และมอบให้แก่ผู้แทนชุมชน ตำบลกำพวน อำเภอสุขสำราญ จำนวน 816 แท่ง เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังธรรมชาติ เพิ่มแหล่งดำน้ำลึกทางทะเล ป้องกันการบุกรุกทำลายระบบนิเวศ เป็นเกราะกำบังตัวอ่อนสัตว์น้ำทะเล และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำทะเลด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า รัฐบาลชุดนี้เล็งเห็นศักยภาพของท่าเรือระนอง แต่ไม่เข้าใจว่า ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลเหตุใดจึงไม่เกิดการพัฒนา ทำให้ส่งผลเสียต่อโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การมาประชุม ครม.ครั้งนี้ จึงมีการวางแผนพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ท่าเรือ ถนน และรถไฟ ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาใช้งบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า และคุ้มกับการลงทุน พร้อมกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะทำให้เกิดความมั่นคง ตามแนวยุทธศาสตร์ชาติ เพราะประเทศชาติเสียเวลาและโอกาสมานานแล้ว จึงหวังว่ารัฐบาลหน้าจะสานต่อโครงการรัฐบาลนี้ที่วางไว้ พร้อมยืนยันว่า ทุกโครงการที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้คิด และทำเอง ไม่มีนักการเมืองคนไหนมาบอกให้ทำ ดังนั้น ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ โดยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการประชุม ครม. จะพิจารณา งบประมาณให้ตามแแบบแผนที่วางไว้ ไม่ใช่ให้เพราะหวังผลทางการเมือง และไม่ได้คิดเอาเงินภาษีประชาชนมาหาเสียงในทางการเมือง แต่จะใช้อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์