21 พฤศจิกายน 2568
ซึ่งจะได้ภาษีเพิ่ม 3-4 แสนล้านบาท เพื่อลดขาดดุลการคลัง ภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บส่วนใหญ่จากคนจน จะทำให้ปช.ยากจนลง รัฐควรลดการใช้จ่ายที่มากมายและซ้ำซ้อนเกินไปและขจัดคอรัปชั่นก่อน
1.ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าเห็นข่าวดร.เอกนิติฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า “ภายในปี 2571 รัฐบาลตั้งเป้าทยอยเพิ่ม VAT อีก 1.5% จาก 7% เป็น 8.5% และจะขยับอีก 1.5% ในปี 2573 ให้ครบ 10%"
2. กระผมเห็นข่าวแล้วก็ตกใจ เศรษฐกิจก็แย่มากๆ ประชาชนรายได้ไม่พอรายจ่าย ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมากินมาใช้ จนหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากมาย ยังจะต้องมาเสียภาษีมูลเพิ่มให้รัฐบาลถึงปีละ 3-4 แสนล้านบาท แล้วจะดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างไร
3.หากรัฐบาลจะลดการขาดดุลการคลังที่มาก ก็ควรจัดการตัวรัฐบาลก่อน รัฐมีหน่วยงานซ้ำซ้อนมากเกินไป ไม่มีประสิทธิภาพ คอรัปชั่นก็มากและทำกันซึ่งหน้า จนประเทศไม่ได้รับความเชื่อมั่น
4. การลดการขาดดุลการคลัง สามารถทำได้โดยควบรวมหน่วยงานในสำนักนายกฯ และกระทรวงต่างๆ ที่มีภารกิจคล้ายและซ้ำซ้อนกันเข้าด้วยกัน เช่น หน่วยงานเกี่ยวกับดิน, น้ำ, ชายฝั่ง, ความมั่นคง ที่มีซ้ำซ้อนกันมากมาย ชื่อหน่วยงานก็แปลกๆ หลายแห่งตั้งขึ้นมาเพื่อเพิ่มตำแหน่งระดับ10, 11 แล้วก็ไปยืมตัวข้าราชการที่อื่นมา จ่ายเงินเดือนซ้ำซ้อน
5.กระทรวงเรามีมากเกินไป คล้ายประเทศด้อยพัฒนา ญี่ปุ่นมี GDP ใหญ่กว่าไทย 7.7 เท่า มี 12 กระทรวง สหรัฐมี 25 กระทรวง โดยงานท้องถิ่นเขาให้ท้องถิ่นทำ แต่ท้องถิ่นของเราก็ซ้ำซ้อนมากจนขนาดเล็กเกินไปไม่มีพลัง มีแต่คอรัปชั่น และเรายังมีหน่วยงานกลางที่ไปซ้ำซ้อนกับท้องถิ่นมาก จนจะทำอะไรก็ต้องบูรณาการ ทั้งหมดล้วนแต่เก็บภาษีไปใช้จ่าย ไม่สร้างผลผลิต (GDP) อะไร ประชาชนไทยจึงต้องยากจน
6.เส้นกราฟ ลาฟเฟอร์ (Laffer curve) (ดูรูป) แสดงให้เห็นว่า เมื่อรัฐบาลเก็บภาษีในอัตรามากเกินไป ประเทศจะไม่เจริญเติบโต ประชาชนจะยากจน แต่หากรัฐบาลลดอัตราภาษีลงมา รัฐจะได้เงินรายได้ภาษีรวมมากขึ้น เพราะความเจริญของประเทศ (GDP growth) จะสูงขึ้น เนื่องจากเงินที่อยู่ในมือประชาชนและเอกชนจะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าเงินที่รัฐบาลเก็บภาษีไปใช้ ถึงกว่า 2 เท่าตัว
7. เพื่อให้ประเทศเจริญเติบโตสูงขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐควรปล่อยให้เอกชนและประชาชนทำงานและเก็บเงินไว้เองให้มากๆ โดยรัฐควรมีหน้าที่ 3 ประการ ตามที่ อดัม สมิธ (Adam Smith) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ พูดไว้ตั้งแต่คศ. 1776 ใน "The Wealth of Nations" ว่า หน้าที่ของรัฐบาล คือ
(ก) "ปกป้องสังคม อันเนื่องมาจาก ความรุนแรงและการรุกราน ของสังคมอื่น" (ข) มี “การบริหารความยุติธรรมที่ถูกต้องแม่นยำเป็นธรรมแก่ประชาชนทุกคน” และ (ค) มีหน้าที่ “สร้างและบำรุงรักษาโครงการสาธารณะและงานสาธารณะที่อาจเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวม แต่มีลักษณะที่ผลกำไรไม่อาจใช้ชดเชยค่าใช้จ่ายให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มคนได้” ก็คือโครงสร้างพื้นฐาน, ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า, การศึกษา, สิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติ ดร.สุชาติ กล่าว