ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สปส.เผยปรับเพดานค่าจ้าง เพิ่มสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนรอบด้าน
05 ธ.ค. 2568

 วันที่ 4 ธันวาคม 2568 นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และ นางนิยดา เสนีย์มโนมัย รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ปฏิบัติหน้าที่โฆษกสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วย รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... โดยร่างกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่ละคนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ในปัจจุบันเพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนเพิ่มขึ้นตามฐานค่าจ้างในการคำนวณเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านรายได้และเพิ่มสิทธิประโยชน์ในส่วนของเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีต่างๆ ให้แก่ผู้ประกันตนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น

กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร ตาย ชราภาพและว่างงาน โดยการปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ จะดำเนินการเป็น3 ระยะ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบต่อผู้ประกันตนและนายจ้าง แบ่งออกเป็น

          - ระยะที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2569–2571 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท คิดเป็นเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน

          - ระยะที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2572–2574 กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 20,000 บาท เงินสมทบสูงสุด1,000 บาทต่อเดือน

          - และระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2575 เป็นต้นไป กำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุด 23,000 บาท เงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือน

   การปรับเพดานค่าจ้างจะส่งผลให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในหลายกรณี ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกันตน ครอบคลุมตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต  หากคำนวณประโยชน์ทดแทนการขาดรายได้ในกรณีต่างๆ ที่มีการปรับเพดานค่าจ้างเป็น 17,500 บาท  เงินทดแทนกรณีต่างๆ ที่ผู้ประกันตนได้รับเพิ่มขึ้น อาทิ

          - เงินทดแทนกรณีว่างงานที่สามารถรับได้สูงสุด 7,500 บาทต่อเดือน จะปรับเพิ่มเป็น 8,750 บาทต่อเดือน

          - เงินสงเคราะห์การหยุดงานในการคลอดบุตร เพิ่มจาก 22,500 บาท เป็น 26,250 บาทต่อครั้ง

          - เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิตเมื่อส่งเงินสมทบ 10 ปีขึ้นไป เพิ่มจาก 90,000 บาท เป็น 105,000 บาท

          - เงินบำนาญชราภาพ ซึ่งในกรณีส่งเงินสมทบครบ 15 ปี จะเพิ่มจาก 3,000 บาท เป็น 3,500 บาทต่อเดือน และในกรณีส่งครบ 25 ปี จะเพิ่มจาก 5,250 บาท เป็น 6,125 บาทต่อเดือน

          นางสาวกาญจนา ได้เน้นย้ำว่า สำหรับผู้ประกันตนที่ค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาท ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นจากการปรับเพดานค่าจ้างในครั้งนี้ ยังคงนำส่งเงินสมทบ 5% ของค่าจ้างตามปกติ ทั้งนี้ การปรับเพดานค่าจ้างเป็นการยกระดับหลักประกันด้านรายได้ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระดับค่าจ้างในปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์อย่างเหมาะสม เป็นธรรม และการจ่ายเงินสมทบที่เพิ่มขึ้นของนายจ้างและรัฐบาล ถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะทำให้ลูกจ้างมีหลักประกันความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนผลดีต่อการเพิ่มผลิตภาพแรงงานให้กับประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมจะเร่งดำเนินการเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในร่างกฎกระทรวงและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค. 69 ต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...