ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
คสธก. ประกาศเดินเกมเข้ม ปราบสินค้านำเข้าฝ่าฝืนกฎหมาย–ทลายขบวนการนอมินีต่างชาติ
10 ธ.ค. 2568

“คสธก.”ประชุมนัดแรก เห็นชอบ 3 แนวทางเข้มจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ลุยตรวจเข้มสินค้านำเข้า คุมแพลตฟอร์มออนไลน์ และไล่ตรวจนอมินีเต็มรูปแบบ พร้อมปิดช่องโหว่การค้า ฟื้นความเชื่อมั่นต่างประเทศ

 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (คสธก.) เปิดเผย ว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานภายใต้ คสธก. ครั้งที่ 1/2568 เข้าร่วมหารือแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น​ โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการดำเนินการภายใต้ คสธก. ประกอบด้วย

1. จัดทำ (ร่าง) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการบริหารจัดการปัญหาสินค้าจากต่างประเทศและธุรกิจต่างประเทศ พ.ศ. .... เพื่อให้การกำหนดนโยบายและมาตรการในการบริหารจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าจากต่างประเทศและธุรกิจต่างประเทศเป็นไปด้วยความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

2. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมีอธิบดีกรมศุลกากร และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานคณะอนุกรรมการร่วม และคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานคณะอนุกรรมการร่วม เพื่อยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและบูรณาการการทำงานแบบเชิงรุก

3. สนับสนุนการตรวจสอบเส้นทางการเงินธุรกิจกลุ่มเสี่ยงนอมินี โดยได้บูรณาการข้อมูลร่วมระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตลอดจนพัฒนากลไกตรวจสอบผู้ถือหุ้น–เงินทุน–พฤติกรรมเสี่ยง เพื่อป้องกันต่างชาติใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง

นายเอกนิติ กล่าวว่า  ที่ผ่านมา ได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดตรวจสอบสินค้านำเข้าทะลัก โดยเพิ่มอัตราเปิดตู้สินค้า FCL จาก 20% เป็น 30%, ตรวจ X-ray แบบ 100% บริเวณด่านเสี่ยงสูง (นครพนม และมุกดาหาร) และดำเนินคดีผู้กระทำผิดกว่า 86,087 คดี นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป กรมศุลกากรจะจัดเก็บอากรนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยและ SMEs ที่ต้องแข่งขันกับสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศและป้องกันการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ

ขณะที่การปราบปรามนอมินี ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด 873 ราย และเตรียมให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตรวจเส้นทางการเงินธุรกิจกลุ่มเสี่ยงนอมินี พร้อมให้ตำรวจและดีเอสไอร่วมดำเนินคดีอย่างเป็นระบบ ด้านการกำกับแพลตฟอร์มออนไลน์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ออกประกาศให้แพลตฟอร์ม e-Commerce ต้องเปิดเผยข้อมูลผู้ขาย ข้อมูลสินค้า และจัดทำระบบ notice & takedown

โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยสินค้าออนไลน์และสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาดออนไลน์ไทย

นอกจากนี้ ยังได้มีการเร่งบูรณาการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ สร้างความเชื่อมั่นทำให้ประเทศคู่ค้า ตลอดจนรักษามาตรฐาน ภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของสินค้าไทยในตลาดโลก

นายเอกนิติ กล่าวว่า   รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับความปลอดภัยสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ การคุ้มครองผู้บริโภค และการสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมให้ผู้ประกอบการไทย โดยใช้ทั้งกฎหมาย เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเป็นเครื่องมือหลัก ทั้งนี้ การคุมเข้มนี้ไม่ใช่แค่บังคับใช้กฎหมาย แต่คือการฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศ ปกป้องคนไทยและผู้ประกอบการไทยไม่ให้เสียเปรียบ ปิดช่องโหว่ที่ต่างชาติเข้ามาใช้ประโยชน์ในระบบเศรษฐกิจไทยโดยไม่เป็นธรรม” พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินมาตรการ เพื่อให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้งด้านความปลอดภัยผู้บริโภค ความเป็นธรรมทางการค้า และเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

ทั้งนี้ในการประชุม คสธก. ครั้งที่ 1/2568 มีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายธนพล ภู่พันธ์ศรี ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนภินทร ศรีสรรพางค์) พร้อมทั้งหัวหน้าส่วนราชการจาก 21 ส่วนราชการ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น  เข้าร่วมประชุม

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...