‘ททท.’ เดินหน้า ‘ท่องเที่ยว’ แรงบวกเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2569 ตรงกับช่วงหาเสียงเลือกตั้ง หลัง ‘อนุทิน’ ยุบสภา พร้อมเสนอมาตรการค้างท่อกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศแก่รัฐบาลใหม่
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แม้ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เพิ่งยุบสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 8 ก.พ. 2568 แต่ภาคการท่องเที่ยวยังคงต้องเดินหน้าต่อเพื่อสร้างการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดเข้ามาบริหารประเทศต่อ ภาคการท่องเที่ยวจะยังเป็นเครื่องยนต์ทำรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย มีซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงรายใหญ่จำนวนมาก ทุกรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับปากท้องของประชาชน และผลักดันภาคการท่องเที่ยวให้สามารถสร้างแรงบวกต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการทัวร์ไทยคนละครึ่ง และโครงการ Buy International, Free Thailand Domestic Flights แจกตั๋วบินฟรีไป-กลับในประเทศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อตั๋วบินเส้นทางระหว่างประเทศเข้าไทย ทาง ททท.พร้อมนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่พิจารณา เพราะเป็นเสียงสะท้อนความต้องการจากผู้ประกอบการ
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เทรนด์การเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ จะมีทั้งคนไทยเที่ยวในประเทศและชาวต่างชาติเที่ยวไทยคึกคัก สำหรับตลาดระยะไกลจากยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมาก ล่าสุดมีจำนวนสะสมทะลุ 10 ล้านคน ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าสิ้นปี 2568 น่าจะได้มากถึง 11 ล้านคน ตลาดหลักคือสหราชอาณาจักร รัสเซีย และสหรัฐ ที่มีการเดินทางเกิน 1 ล้านคนแล้ว ขณะเดียวกันตลาดอินเดียคาดว่าจะแตะ 2.5 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.3 ล้านคน นอกจากนี้ตลาดเกิดใหม่อย่างโปแลนด์ มีการเติบโตสูงเกือบ 40% จนติด 10 อันดับแรกของตลาดระยะไกลที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด และนักท่องเที่ยวใช้จ่ายต่อคนสูงมาก
สำหรับสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ผลกระทบล่าสุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อเดือน ก.ค. 2568 นักท่องเที่ยวกัมพูชาเดินทางเข้าไทยลดลง 40% ต่อเนื่องเป็นลดลง 60% แม้ภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวข้ามชายแดนจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงกังวลอยู่ บริเวณแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล เช่น เกาะกูด เกาะช้าง เกาะหมาก และ อ.เมืองตราด พบยอดจองลดลงอย่างมากเกิน 50%
“ได้รับรายงานจาก ททท.สำนักงานตราดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เขาพำนักและท่องเที่ยวใน จ.ตราด ไม่ได้รีบเช็กเอาต์ออก รอให้เหตุปะทะสงบลงก่อนแล้วถึงกลับ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใหม่ แม้ไม่ได้ยกเลิก แต่ก็ชะลอการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เช่นเดียวกับพื้นที่ใน จ.จันทบุรี และ จ.บุรีรัมย์ ที่นักท่องเที่ยวเลือกชะลอการเดินทาง แน่นอนว่าตรงตะเข็บชายแดนมียอดยกเลิกการเดินทาง ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างประเมินเพิ่มเติม เพราะต้องประเมินตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อกลางปีจนถึงสิ้นปีนี้”
“ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดๆ ในประเทศ ททท.ได้มีการสื่อสารอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ไหนที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง แต่นอกนั้นไม่ได้มีการกระทบกับแหล่งท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศไทยเลย” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว