ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เศรษฐกิจชุมชน ย้อนกลับ
นายเพียงโมเดล ต้นแบบจัดการน้ำนอกชลประทาน
24 ธ.ค. 2568

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประธานโครงการจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เปิดเผยถึงการขับเคลื่อน "นาเพียงโมเดล" ในพื้นที่ตำบลนาเพียง อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่นเพื่อยกระดับการบริหารจัดการน้ำนอกเขตชลประทานอย่างยั่งยืนว่า ปัจจุบันภาคอีสานเผชิญวิกฤตความย้อนแย้งด้านทรัพยากรน้ำ ปัจจุบันน้ำฝนที่ตกในแต่ละปีจะตกลงมาบนดินมากถึง 245,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั่วประเทศหากเปรียบเทียบ ภาคอีสานฝนก็ตกมาก เปรียบ 100 หยด อีสานเก็บได้เพียง 3.5 หยด อีสานไม่ได้แล้ง แต่กลับกักเก็บไว้ใช้ได้เพียง 3.5% เท่านั้น ส่งผลให้น้ำส่วนเกินกว่า 90% กลายเป็นน้ำหลากสร้างความเสียหายและตามมาด้วยสภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง

ปัจจุบันระบบชลประทานของรัฐครอบคลุมพื้นที่เพียง 20% ของประเทศ ที่เหลือเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทาน 80% ที่ยังไม่มีความมั่นคงด้านน้ำ ที่ต้องเผชิญวัฏจักรน้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซากโดยลำพังการน้อมนำแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ภายใต้หลักการ "หาที่ให้น้ำอยู่ หาที่ให้น้ำไหล และเก็บน้ำที่เหลือไว้ใต้ดิน" จึงเป็นทางออกที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้

สำหรับ "นาเพียงโมเดล" ได้ต่อยอดความสำเร็จครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,000 ไร่ ดูแลกว่า 2,300 ครัวเรือน ร่วมกับนายวิรัญ วันเต็ม ปลัดเทศบาลตำบลนาเพียง โดยนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นฐาน อาทิ "Tem2Go"เครื่องมือสำรวจโครงสร้างดินด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและดาวเทียมที่ทันสมัยระดับโลก เพื่อระบุพิกัดในการ "เจาะสะดือดิน" ลงไปถึงชั้นหินอุ้มน้ำได้อย่างแม่นยำ ช่วยส่งน้ำไปเก็บไว้ใต้ดินและสร้างความชุ่มชื้นตลอด  เกษตรกรจึงสามารถปลูก "ถั่วเหลืองพันธุ์เกษตร 80" เป็นพืชหลังนาที่มีความต้องการตลาดสูง สร้างกำไรเฉลี่ยถึง 5,000 บาทต่อไร่ต่อรอบ ใช้เวลาเพียง 100 วัน ที่ช่วยแก้ปัญหาความยากจนและหนี้สินได้อย่างเป็นรูปธรรม

ด้าน ผศ.ดร.ปริเวท วรรณโกวิท หัวหน้าศูนย์วิศวกรรมสารสนเทศภูมิศาสตร์และนวัตกรรม มจธ. กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญอีกด้านคือการสร้าง "ชลกร"หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำระดับชุมชนผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อปั้นเยาวชนลูกหลานเกษตรกรให้มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และตรรกะเชิง Coding ในการวิเคราะห์ข้อมูลน้ำและดิน หลักสูตรนี้เปิดโอกาสให้ทั้งนักศึกษาและเกษตรกรทั่วไปในโครงการอาชีวศึกษาเพื่อการพัฒนาชนบท หรือ (อศ.กช.) เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ

ปัจจุบันได้ผลิตชลกรออกสู่สังคมแล้วกว่า 3 รุ่น ซึ่งพบว่าสามารถนำองค์ความรู้ไปสร้างธุรกิจเกษตรที่เติบโตและยั่งยืนในท้องถิ่นของตนเองได้จริงทั้งนี้ ทิศทางในอนาคตของการเกษตรไทยต้องก้าวข้ามการรอคอยงบประมาณเยียวยาแต่ต้องมุ่งเน้นการวางแผนเชิงกระบวนการและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ขณะที่วิสัยทัศน์ "นาเพียงโมเดล" และหลักสูตร "ชลกร" จึงเป็นโมเดลต้นแบบที่มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายระดับประเทศเพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่ได้มาฟรีจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด บรรลุเป้าหมาย "เลิกหลาก เลิกแล้ง เลิกจน" และสร้างความมั่งคั่งให้แก่ชุมชนอย่างแท้จริง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 ธันวาคม 2568
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
02 ธ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่า การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มั่นคง หัวใจสำคัญด้านหนึ่งต้อง มาจากฐานราก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การปกครอง ส่วนท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง ซึ่งประเทศไทยเราเอง ก็พัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับโดยเฉพาะเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดศักราชใหม่ให้กับการกระจายอำนาจลงสู่...