ชัยภูมิ วันนี้(27ธ.ค.68)เวลา 15.30น.ที่วัดเจริญสูง บ้านหนองหญ้าข้าวนก ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พล.ท.อมฤต บุญสุยา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ สิบเอกกัมปนาท ทองแสง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ทหารกล้าผู้พลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยมีนายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชน ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ร่วมพิธี และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวทองแสงเป็นจำนวนมาก
การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเกียรติยศประกอบศพ หีบเชิงชาย พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการพิธีศพโดยตลอด พระราชทานผ้าไตร และภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิแก่ศพทหารกล้า สำหรับประวัติโดยสังเขปของสิบเอกกัมปนาท ทองแสง อายุ 28 ปี เกิดที่บ้านหนองไฮ ต.ห้วยไร่ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ เข้ารับการเกณฑ์ทหารจับได้ใบแดงที่อำเภอคอนสวรรค์ ไปรับใช้ชาติเป็นทหารกองประจำการ ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับแม่และป้าที่บ้านหนองหญ้าข้าวนก ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ จากนั้นสอบเข้ารับราชการทหารในสังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง ชื่อเล่น นน ปฏิบัติหน้าที่พลขับรถยานเกราะ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งเตือนจากวิทยุสื่อสารภายในรถ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะทำการยิง BM21 มาที่บริเวณแนววางกำลัง ด้วยที่ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง เป็นห่วงน้องๆพลทหาร จึงทำการลงจากรถยานเกราะแล้วแจ้งเตือนให้น้องๆทหารขึ้นรถยานเกราะ เข้าที่กำบังให้หมด ตัวเองจึงรอขึ้นรถยานเกราะเป็นคนสุดท้าย และในขณะที่กำลังขึ้นรถยานเกราะอยู่นั้น ลูกจรวด BM21 ได้ตกลงบริเวณข้างรถฝั่งที่ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง กำลังขึ้นรถทำให้ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง ถูกสะเก็ดระเบิด BM21 ได้รับบาดเจ็บ เพื่อนช่วยกันปฐมพยาบาลและเร่งนำส่งโรงพยาบาล แต่สะเก็ดเข้าในจุดสำคัญ และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะที่ครอบครัวและชาวบ้าน ได้ร่วมกันประดับเมรุอย่างสวยงาม โดยมีรูปภาพขนาดใหญ่ของสิบเอก กัมปนาท ทองแสง ในชุดทหารกล้า ประดับอยู่ด้านหน้าเมรุพระราชทานเพลิงศพ ด้านนางสีนวน โคตะรุด อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่ของ สิบเอก กัมปนาท ทองแสง หรือน้องนนท์ ที่เดินทางกลับมาจาก จ.ภูเก็ต มาถึง อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึงนายทวี ทองแสง อายุ 46 ปี พ่อของน้องนนท์ ที่เดินทางมาพบลูกชาย ส่งลูกชายวีรบุรุษทหารกล้า เป็นครั้งสุดท้าย ทั้ง 2 คน แม่และพ่อ ดูเหมืนยังอยู่ในความโศกเศร้า แต่มีความภาคภูมิใจในตัวลูกชายตนเอง ส.อ .กัมปนาท ที่ได้ไปเป็นทหารปกป้องประเทศชาติ จนตัวเองเสียชีวิต ในครั้งนี้
ในพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า ส.อ.กัมปนาท ประธานในพิธีได้มอบทุนให้กับเจ้าภาพ ทายาท ของผู้วายชน พิธีอันเชิญกล่องพระราชทาน และผ้าไตรพระราชทาน ยื่นสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้วายชน 1 นาที
ประธานในพิธี ทอดผ้าไตรพระราชทาน 5 ไตร หน้าหีบศพ ประธานในพิธีประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ
กองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้น ขอพระราชทานชั้นยศ เป็นพันเอก และจะได้รับเงินพระราชทาน, เงินบำรุงขวัญ, เงินสินไหมทดแทนในการประกันชีวิตของกองทัพบก (ภัยสงคราม), เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ของกองทัพบก, เงินช่วยเหลือและเงินบำเหน็จตกทอดให้กับทายาท และเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีและเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ ตามมติ ครม. รวมประมาณ 12,329,391 บาท
ในพิธีพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้ กองทัพบกขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ยืนยันจะดูแลสิทธิ สวัสดิการ รวมทั้งความเป็นอยู่ของครอบครัวและทายาทของทหารกล้าทุกนายอย่างดีที่สุด ความกล้าหาญ ความเสียสละ และความจงรักภักดีที่ทหารหาญทุกท่านได้อุทิศให้แก่ประเทศชาติ นับเป็นเกียรติภูมิสูงสุดของกองทัพบก และจะถูกจารึกไว้ในความทรงจำ ตลอดจนอยู่ในหัวใจของประชาชนไทยตลอดไป
นอกจากจะมีคณะหัวหน้าส่วนราชการ จ.ชัยภูมิ พ่อค้า ประชาชนใกล้เคียง ร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ส.อ.กัมปนาท จำนวนมากแล้ว ยังมีคณะทหารกล้า ยังมี ร.ท.นิเวศ สุวรรณ และ ร.ต.พัชณะ ชัยเกษม พร้อมเหล่าคณะทหารผ่านศึก จ.ชัยภูมิ ที่ผ่านการรบชายแดนต่าง ๆ กัมพูชามาแล้วเมื่อปี 2545 ร่วมในพิธีกว่า 30 นาย ได้เล่าประสบการครั้งถือปืนสู้รบกับทหารกัมพูชาว่า ไม่ควรให้ความปราณีกับทหารกัมพูชา เมื่อเกิดการประทะกันแล้วต้องเอาให้จบ เพื่อไม่กัมพูชาหวนกับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนชายแดนไทยอีกต่อไป
///////////////////////
อธิวัฒน์ เตียเจริญภักดีจังหวัดชัยภูมิรายงาน