นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 18-19 กันยายน 2561 กรมฯ ได้จัดคณะเจ้าหน้าที่เดินทางไปสำรวจเส้นทาง และหารือกับรักษาการกงสุลใหญ่ของไทย ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และผู้ประกอบการไทย ได้แก่ กลุ่ม CP และร้านอาหารไทยในเมืองโกตาบารู รวมทั้งเข้าพบนายด่านศุลกากร Rantau Panjang เมือง Rantau Panjang ของมาเลเซียที่มีพรมแดนติดกับจังหวัดนราธิวาส และยังได้หารือกับนายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส อีกด้วย นอกจากนี้ ในวันที่ 20-21 กันยายน 2561 กรมฯ ได้จัดสัมมนาให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs สินค้าดาวเด่น 3 จังหวัดชายแดนใต้ ณ โรงแรมตันหยง จังหวัดนราธิวาส ในหัวข้อ “สร้างโอกาสทางการค้ากับกรมการค้าต่างประเทศ” เพื่อกระตุ้นการค้า/การลงทุนในชายแดนใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดน คือ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ซึ่งยังมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง สามารถผลิตสินค้าได้ตามที่ตลาดต้องการ
นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเข้าหารือกับรักษาการกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู กรมฯ และสถานกงสุลใหญ่ฯ จะบูรณาการการทำงานเพื่อมุ่งขยายการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย แก้ไขปัญหา/อุปสรรคการค้า และกรมฯ ยังได้มีโอกาสพบผู้ประกอบการไทย ได้แก่ กลุ่ม CP ที่เข้าไปลงทุนด้านปศุสัตว์ เช่น ฟาร์มไก่ และเจ้าของร้านอาหารไทยรายใหญ่สุดของเมืองโกตาบารู ซึ่งปัจจุบันสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคของไทย เช่น น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก เป็นที่ต้องการของชายแดนมาเลเซียมาก และยังมีโอกาสขยายได้อีก นอกจากนี้ จากการเข้าพบนายด่านศุลกากรของมาเลเซีย ณ ด่านศุลกากร Rantau Panjang ทำให้เห็นลู่ทาง logistic ขนส่งสินค้ายางพารา หรือสินค้าอุปโภคบริโภคของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สามารถใช้เส้นทางขนส่งไปยังด่านตากใบของไทย – Pengkalan Kubor มาเลเซีย เพื่อใช้ท่าเรือน้ำลึก Kuantan แล้วส่งต่อไปเวียดนามและจีน หรือแม้กระทั่งไปท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้ระยะเวลาและระยะทางสั้นกว่าการขนส่งไปผ่านรัฐปีนัง ในขณะที่นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ได้ยืนยันว่า สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขณะนี้ค่อนข้างสงบ และเสนอแนะให้กรมฯ จัดงานมหกรรมการค้าชายแดน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจติดมาเลเซีย มีการค้าขาย รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันไทยนำเข้าสินค้าไม้ท่อนจากมาเลเซียทางด่านสุไหงโก-ลกเป็นจำนวนมาก เพื่อเข้าโรงงานไปแปรรูปเป็นไม้เพื่อการก่อสร้าง supply ทั้งประเทศ ซึ่งแสดงถึงเศรษฐกิจของอำเภอสุไหงโก-ลก ที่สามารถเป็นแรงกระตุ้นให้จังหวัดนราธิวาสมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมฯ ได้จัดสัมมนาให้กับผู้ประกอบการ SMEs สินค้าดาวรุ่งของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ณ โรงแรมตันหยง อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2561 ในหัวข้อ “สร้างโอกาสทางการค้ากับกรมการค้าต่างประเทศ” เพื่อสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการให้สามารถกระตุ้นการค้า/การลงทุนในภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ซึ่งยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีศักยภาพ ได้แก่ SMEs ผู้ผลิตสินค้าข้าวเกรียบปลา อาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น แกงกะหรี่แพะ/เนื้อ หัตถกรรมต่างๆ เช่น เสื่อกระจูด ผ้าคลุมศีรษะ และผ้าบาติก เป็นต้น แต่ยังไม่มีภาครัฐเข้าไปส่งเสริมถึงในพื้นที่อย่างจริงจัง ซึ่งกรมฯ จะต่อยอดจากการสัมมนาในครั้งนี้ต่อไป
นายอดุลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในปีงบประมาณ 2562 กรมฯ มีแผนกระตุ้นการค้าชายแดน โดยเฉพาะเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภายใต้การจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนที่อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งกรมฯ จะบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง อาทิ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ด่านศุลกากร Rantau Panjang มาเลเซีย ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส และหอการค้าจังหวัดนราธิวาส เป็นต้น เพื่อสร้างสายสัมพันธ์การค้า 2 แผ่นดิน โดยมีกิจกรรม เช่น งานแสดง/จำหน่ายสินค้าทั้งฝั่งไทย-มาเลเซีย งานประชุมวิชาการ Business Forum งานประชุมแก้ปัญหาการค้าชายแดน และงานเจรจาจับคู่ธุรกิจ กรมฯ จะส่งเสริมให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้สามารถขับเคลื่อนการค้า/การลงทุน นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สำหรับภูมิภาคนี้ต่อไป