นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช. ปฏิเสธกระแสข่าวการร่วมมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และอดีตพระพุทธอิสระ อดีตแกนนำ กปปส. ในการร่วมจัดตั้งพรรคเพื่อชาติ โดยยืนยันว่า กลุ่ม นปช. ยังคงยืนหยัดในอุดมการณ์เดิมคือการไม่จัดตั้งพรรคการเมือง และในขณะนี้ตนยังคงถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้งหมด จึงทำได้แค่เป็นกองเชียร์เท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคเพื่อชาติเป็นพรรคการเมืองย่อยของพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพรระบุว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่าด้วยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ออกแบบให้การเลือกตั้งเป็นระบบ "รวมกันแพ้ แยกกันชนะ" จึงทำให้เกิดการแยกกันของอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. แยกออกไปอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ 5 พรรคด้วยกันซึ่ง อาทิ พรรครวมพลังประชาชาติไทย , พรรคประชาธิปัตย์ , พรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นจึงต้องมีแนวร่วม นปช. เข้าอยู่ในสภาเช่นเดียวกัน ใครที่เข้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ก็ให้มาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อชาติ
ส่วนพรรคเพื่อชาติจะดึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยให้ลดลงหรือไม่ นายจตุพร ระบุว่าพรรคการเมืองควรเป็นทางเลือกให้ประชาชน หากจะคิดว่าเป็นการดึงคะแนนกันถือว่าเห็นแก่ตัว ส่วนจะเป็นการดึงคะแนนหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนข้อครหาที่ว่าพรรคเพื่อชาติเป็นพรรคอะไหล่ของพรรคเพื่อไทยในการเก็บคะแนนเสียงให้ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อในพื้นที่ และให้ ส.ส.แบ่งเขตเป็นของพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพรบอกว่าการกระทำนี้เป็นไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นการฮั้วกัน นอกจากนี้นายจตุพรยังยืนยันด้วยว่าพรรคเพื่อชาติเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการเปิดพื้นที่ให้มีการแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย
นายจตุพรยังกล่าวด้วยว่าการประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรคเพื่อชาติจะมีขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม ณ ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง ส่วนการประชุมใหญ่เพื่อคัดเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคจะมีขึ้นก่อนกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ที่ยิมเนเซียม 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยยืนยันว่าพรรคเพื่อชาติจะส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบ 350 เขต
นายจตุพรกล่าวด้วยว่า ตนเองไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จึงขอเป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติเท่านั้น และจะไปสังเกตุการณ์การดำเนินกิจกรรมของพรรค