คณะอนุกรรมการเพื่อช่วยดำเนินการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 5) พ.ศ. .... โดยมี พล.อ.อ. วีรวิท คงศักดิ์ กรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และประธานอนุกรรมการเพื่อช่วยดำเนินการตามมาตรา 18 (3) แห่งพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 เป็นผู้เปิดการประชุมฯ และมีพ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เป็นผู้กล่าวรายงาน โดยมีส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ณ สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี กรุงเทพฯ
สำหรับในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 เพื่อกำหนดให้มีมาตรการและกลไกเพื่อการส่งเสริมการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในฝ่ายบริหารและกำหนดหลักเกณฑ์ใช้บังคับกับหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงต่อการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกำหนดมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
2. กำหนดมาตรการและกลไกในการควบคุม กำกับและติดตาม การบริหารจัดการในภาครัฐเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตในภาครัฐ ให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
3. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงของกระบวนการบริหารงานที่อาจก่อให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบและให้มีการตรวจสอบและประเมินผลเพื่อปรับปรุง มาตรการป้องกันความเสี่ยงเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง
4. กำหนดให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการดำเนินการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม กวดขันวินัย และกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างมีประสิทธิผลและต่อเนื่อง และที่สำคัญหากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ย่อมเป็นเหตุให้ได้รับโทษทางวินัย และร่วมรับผิดในความเสียหายทางแพ่งที่เกิดขึ้นกับทางราชการ จากการกระทำของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาและอาจถูกดำเนินคดีอาญาหรือวินัย โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือ คณะกรรมการ ป.ป.ท. เป็นต้น
ทั้งนี้ ร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ได้นำหลักการที่จำเป็นและสำคัญในมาตรการป้องกันและแก้ไขการทุจริตและประพฤติมิชอบตามคำสั่ง คสช.ที่ 69/2557 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขการทุจริตและประพฤติมิชอบ มาบัญญัติไว้ และได้มีการเพิ่มมาตรการเสริมให้เข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่จะต้องรับผิดทั้งทางวินัยและอาญา และความเสียหายทางแพ่ง หากมีการทุจริตเกิดขึ้นโดยไม่ได้มีมาตรการป้องกันปัญหาการทุจริต อันจะส่งผลให้ต่อไปนี้ หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจะนิ่งเฉยเหมือนที่เคยปฏิบัติในอดีตมิได้ เนื่องจากร่างกฎหมายใหม่จะถือเป็นความผิดหัวหน้าหน่วยงานของรัฐด้วย