นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดกิจกรรมการอบรมหลักสูตร “ก่อร่าง สร้างธุรกิจ นิติบุคคลไทย” ขึ้น ณ ห้องแซฟไฟร์ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ซึ่งอยู่ภายใต้กิจกรรมสร้างธรรมาภิบาลนิติบุคคลรายใหม่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 1,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนิติบุคคลที่จดจัดตั้งใหม่ในปี 2561 และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบธุรกิจ อาทิ สำนักงานบัญชี ผู้ทำบัญชี และผู้สอบบัญชี สำหรับหัวข้อการบรรยายแบ่งเป็น 3 ด้านคือ ด้านแรก การเป็นนิติบุคคลที่ดีและสิ่งที่ นิติบุคคลต้องปฏิบัติ นับเป็นหัวใจสำคัญของหลักสูตรนี้เพราะจะเป็นการสร้างนิติบุคคลที่มีคุณภาพตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจ ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติตนที่ดี ถูกต้องตามกฎหมายเมื่อนิติบุคคลได้เข้าสู่โลกของการทำธุรกิจอย่างเต็มตัว อาทิ การแจ้งเปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูลต่างๆ ของนิติบุคคลต่อนายทะเบียนภายในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด การนำส่งงบการเงินประจำปี การดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาลธุรกิจ เป็นต้น
อธิบดี กล่าวต่อว่า “ด้านที่สอง ความสำคัญของบัญชีและงบการเงิน เป็นการสร้างความเข้าใจเรื่องระบบการทำบัญชี เทคนิคการจัดทำงบการเงิน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการทำธุรกิจ หากไม่สามารถบริหารจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพก็จะส่งผลทางลบต่อนิติบุคคลนั้นได้ และด้านที่สามการใช้ประโยชน์จากบัญชีและงบการเงิน หัวข้อนี้จะช่วยให้ผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบริหารธุรกิจ วิเคราะห์งบการเงิน อ่านการตลาดออกว่าธุรกิจของตนเองกำลังอยู่ในทิศทางใดต้องรับมือและปรับตัวอย่างไร ประกอบกับการศึกษาข้อมูลทางบัญชีของคู่ค้าเพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม”
“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีภารกิจในการกำกับดูแลและส่งเสริมให้นิติบุคคลปฏิบัติตนตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น จึงได้ดำเนินการจัดอบรมในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมในครั้งนี้หากมองในภาพของนิติบุคคลจะเป็นการสร้างนิติบุคคลรายใหม่ให้เป็นคนดี สร้างจิตสำนึกที่ดี มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจ และสามารถปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ทำให้ธุรกิจต้องเกิดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจจากความผิดพลาดที่ไม่เข้าใจถึงหน้าที่ในการเป็นนิติบุคคลนั่นเอง แต่ถ้าพิจารณาถึงองค์รวมของประเทศแล้วจะเป็นการสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแรงของประเทศไทยตั้งแต่จุดเริ่มต้น ตัดวงจรการทำธุรกิจที่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค และขจัดปัญหาการเกิดนอมินีในประเทศไทย ซึ่งทำให้ประเทศต้องสูญเสียรายได้อย่างมหาศาลจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ให้ชาวต่างชาติใช้ชื่อของตนเองในนาม คนไทยมาจัดตั้งธุรกิจ โดยเป็นปัญหาที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด