ไข่น้ำ หรือทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า ผลำ เป็นพืชน้ำ มีลักษณะสีเขียวคล้ายไข่ปลาเล็กๆ ขึ้นอยู่บริเวณผิวน้ำ โดยปกติไข่น้ำ (ผลำ) จะมีมากมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน เป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยมนำไปประกอบอาหาร เช่น แกง ต้มยยำ เจียวผสมกับไข่ หรือใส่เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติอาหารให้มีความหอม มัน อร่อย มากยิ่งขึ้น
แต่ในปัจจุบัน ไข่น้ำกลายเป็นของหายาก เนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีความสกปรก เน่าเสีย หรืออาจมีสารเคมีตกค้างอยู่ จึงทำให้ไข่น้ำไม่สามารถเจริญเติมโตอยู่ได้ แต่หากเรานำไข่น้ำมาเพาะเลี้ยง ก็จะได้อาหารที่สด สะอาด ไว้ประกอบอาหารและสามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้
ขุดบ่อดินให้มีขนาดความลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตร และยาวประมาณ 4 เมตร จากนั้นนำพลาสติกสีดำ
มารองในบ่อ เพื่อป้องกันมิให้น้ำซึมออก ใส่ปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอกประมาณ 20 กิโลกรัม ตามด้วยน้ำจุลินทรีย์ชีวภาพประมาณ 0.5 ลิตร ลงในบ่อ
ปล่อยน้ำลงในบ่อให้เต็มและนำพันธุ์ไข่น้ำมาปล่อย ประมาณ 7 วัน พันธุ์ของไข่น้ำจะแพร่ขยายเต็มบ่อ สามารถเก็บผลผลิตโดยใช้ตะแกรงเล็กๆ ช้อนไปประกอบอาหารหรือจำหน่ายได้ทุกวัน
ไข่น้ำเลี้ยงไว้ในบ่อจะขยายพันธ์ได้เรื่อยๆ โดยการให้ปุ๋ยชีวภาพ น้ำจุลินทรีย์ ในทุกอาทิตย์ และเติมน้ำให้เต็มปากบ่ออยู่เสมอ
ไข่น้ำเป็นอาหารที่มีโปรตีนมาก สามารถเลี้ยงเพื่อนำไปประกอบอาหารหรือจำหน่ายได้ นอกจากนั้น ยัง
เพาะเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารปลาได้เป็นอย่างดี
การปลูกผักหวานป่า
• วัสดุอุปกรณ์
1.เมล็ดพันธุ์ผักหวานป่า
2. ภาชนะเพาะเมล็ด
3. ทรายสะอาด
4. กระสอบป่าน
5. ใยมะพร้าว
6. ขวดพลาสติก
• วิธีเพาะพันธุ์ผักหวานป่า
1.เตรียมเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่า โดเลือกเมล็ดที่สุกภายใน 1 อาทิตย์แรก หากสุกจัดกว่านั้น อัตราการรอดของ
ต้นผักหวานก็จะน้อยลง
2.นำเมล็ดพันธุ์ที่เตรียมไว้มาล้างด้วยน้ำสะอาด ล้างเปลือกและเมือกออกให้หมด แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง 2
วัน
3. เตรียมทรายที่สะอาดเกลี่ยลงในกระบะ หรือภาชนะที่จะทำการเพาะเมล็ด โดยให้ทรายมีความหนา
ประมาณครึ่งฟุต เพราะรากของผักหวานจะเจริญเติบโตเร็วและยาวมาก
กระสอบป่าน รดน้ำให้ชุ่มทุกวัน
5. วันที่ 20 เปิดกระสอบป่านออก เมล็ดพันธุ์เริ่มแทงรากและเริ่มโผล่เมล็ดขึ้นมาเหนือทราย
6. ประมาณวันที่ 25 เริ่มแทงยอด สามารถนำไปปลูกได้ โดยปลูกไว้ในที่ร่ม เช่น ใต้ต้นกล้วย หรือคลุมด้วย
ผ้าสแลน 40% เพราะใน 2 ปีแรกของผักหวานป่า จะไม่ชอบแสงแดด หากโดนแดดมากต้นผักหวานจะตายได้ง่าย
•การดูและรักษา
ควรปล่อยให้ผักหวานป่าเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเป็นพืชที่มีความทนทานต่อโรคและแมลงได้เป็นอย่างดี การ
รดน้ำจะไม่มีผลต่อการเจริญเติบโตหรือการแตกยอดของผักหวานป่า การพรวนดินจะทำให้รากขาดได้ง่าย เพราะรากของผักหวานป่าจะหากินบริเวณผิวดิน ส่วนการใส่ปุ๋ยเคมีหรือฮอร์โมนใดๆ จะทำให้ต้นผักหวานป่า แคระ เกร็ง และอาจตายไปในที่สุด
•ประโยชน์ของผักหวานป่า
เป็นผักที่หายากและเพาะพันธุ์ได้ยาก เป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้มีราคาแพง มีคุณค่าทางอาหารสูง
สามารถนำไปประกอบกาหารได้หลายอย่าง
………………………………………………..
ที่มา : สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์