ศ.นพ. บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ ว่า วัตถุประสงค์ของการลงนามครั้งนี้ สสว. และ มหาวิทยาลัยมหิดล จะร่วมมือกันในกรอบวัตถุประสงค์ ดังนี้
1) สนับสนุนและพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อผู้ประกอบการ และการบริการสังคมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผู้ประกอบการด้านกีฬา
2) ร่วมมือในการพัฒนาบุคลากร เสริมสร้างศักยภาพในการปฏิบัติงาน การแลกเปลี่ยนบุคลากร และทรัพยากรระหว่างกัน รวมถึงการขยายเครือข่ายความร่วมมือไปหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3) ร่วมมือในการศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม และเผยแพร่องค์ความรู้ในการพัฒนาผู้ประกอบการด้านกีฬา
4) ร่วมมือในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจด้านกีฬา
ศ.นพ. บรรจง กล่าวต่อว่า ภายใต้บริบทโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว SME หรือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นกลไกหนึ่งและเป็นพลังสำคัญที่สนับสนุนพัฒนาการเติบโตในภาคส่วนของเศรษฐกิจของทุกประเทศ ไม่ว่าธุรกิจเล็กหรือธุรกิจใหญ่ให้เดินไปข้างหน้า และจากกระแสคนไทยที่ตื่นตัวกับกระแสรักสุขภาพ สอดรับกับการเติบโตกีฬาประเภทต่าง ๆ หรือ การออกกำลังกายใหม่ ๆ ด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายต่าง ๆ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน และยกระดับธุรกิจด้านสุขภาพ เป็นผลให้มีการสร้างนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ หรือ อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการสนับสนุนด้านการออกกำลังกายหรือกีฬา เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคนไทย และพัฒนาศักยภาพนักกีฬาสมัครเล่น หรือนักกีฬาอาชีพ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้นำด้านการศึกษาได้ให้ความสำคัญกับการนำองค์ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ มาบูรณาการ เพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์การออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการของผู้ประกอบการ สร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ หรือสร้างโอกาสในการต่อยอดธุรกิจด้านกีฬาให้ครบวงจร เพื่อสามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนและตลาดโลกได้อย่างเข้มแข็ง
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ในปีที่ผ่านมา สสว. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ SME ที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ซึ่งการพัฒนาผู้ประกอบการโดยการสร้างให้เกิดการรวมกลุ่มหรือเครือข่าย ทำให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
ผอ.สสว. เผยอีกว่า สสว. ได้นำนโยบายการพัฒนาเครือข่ายหรือคลัสเตอร์มากำหนดแนวทางการส่งเสริม SME เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME ในปี 2561 โดยเน้นการกระตุ้นความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการ คำนึงถึงความต้องการของตลาด ตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เน้นการพัฒนาผู้ประกอบการในเครือข่ายให้มีศักยภาพในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ โดยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
นายสุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดการทำงานของสสว. ในการส่งเสริม สนับสนุนผู้ประกอบการในธุรกิจด้านสุขภาพ จากข้อมูล สสว. คือ มีจำนวนผู้ประกอบการ SME ที่ประกอบกิจกรรมด้านกีฬา ปี 2560 จำนวน 7,534 ราย มีอัตราการขยายตัวของผู้ประกอบการ SME ที่ประกอบกิจกรรมด้านกีฬา ปี 2559 และ ปี 2560 โดยเฉลี่ย 2.7 % เฉพาะกิจกรรมด้านการจัดการแข่งขันกีฬา มีอัตราขยายตัวมากถึง 11.2 % และการดำเนินกิจการสถานที่ออกกำลังกาย 9.2%
และจากการดำเนินงานที่ผ่านมาในปี 2561 สสว. ได้ดำเนินการส่งเสริมธุรกิจทางด้านสุขภาพ ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายมวยไทยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน กรุงเทพ และปริมณฑล ให้เกิดการยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มากกว่า 510 ราย เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า 20.71 ล้านบาท โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ซึ่งหากมีการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องก็จะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ดังนั้น ในปี 2562 สสว.จึงได้ดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการเครือข่ายธุรกิจกีฬา Sport Economy ภายใต้โครงการสนับสนุนเครือข่าย SME เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือและเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ให้รวมกันเป็นคลัสเตอร์ที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดย สสว. และ ม.มหิดล จะจัดเวทีแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็น และความต้องการเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริม และพัฒนาของผู้ประกอบการด้านกีฬาอย่างเป็นรูปธรรม
"การลงนาม MOU ครั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมองค์ความรู้ด้านกีฬา 7 หมวด เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ผู้ประกอบการ ซึ่ง สสว. เชื่อว่า จะสามารถให้การสนับสนุน เพื่อพัฒนาผู้ประกอบ การทางด้านกีฬาให้มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ SME ได้อย่างดียิ่ง และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรที่ดี ในการที่จะร่วมกันสนับสนุนอุตสาหกรรมด้านกีฬาในประเทศไทย ให้พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีเศรษฐกิจโลกต่อไป" นายสุวรรณชัย กล่าว