ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดทางให้สมาชิกดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเต็มที่
12 ธ.ค. 2561

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดทางให้สมาชิกดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเต็มที่ และเตรียมบรรจุนโยบาย ฉบับเต็มเข้าข้อบังคับพรรคเร็วๆนี้ ส่วนกรณีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ แม้ไม่มีกฎหมายกำกับ แต่ก็ขอให้คำนึงถึงธรรมาภิบาลและการยกระดับการเมือง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ว่า เป็นเรื่องดี เพราะจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ก็ควรให้พรรคการเมืองทำงานได้ตามปกติ แม้ตอนนี้ยังมีความสับสนไม่เข้าใจอยู่บ้างว่ากิจกรรมที่จะทำได้ก่อนหรือหลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส. จะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้ได้มีการซักซ้อมกับสมาชิกแล้วว่าการทำกิจกรรมทางการเมืองทำได้ตามปกติ แต่อะไรที่ทำหลังการประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ส.ส. ไปแล้ว และถูกมองว่าเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ก็เป็นเรื่องทำไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นการจัดเลี้ยงก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งได้กำชับสมาชิกทุกคนแล้ว ส่วนการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งคาดว่าจะเสร็จช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ เนื่องจากต้องรับฟังความเห็นสมาชิกตามกฎหมาย ขณะนี้สมาชิกหลายคนคงใช้เวลาเพื่อแนะนำตัวเองต่อประชาชน แสดงความเห็นเชิงนโยบาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ ซึ่งทำได้เต็มที่ในขณะนี้

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์จะมีความเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเสร็จและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารคะในอีกไม่กี่วัน โดยนโยบายเป็นไปตามเงื่อนไขกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ ที่ระบุถึงที่มาที่ไปของงบประมาณและประโยชน์ที่จะได้รับ ก่อนจะมีการประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อบรรจุนโยบายไว้ในข้อบังคับพรรค ตามเงื่อนไขกฎหมายกำหนดไว้

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำด้วยว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นนโยบายที่จับต้องได้ อย่างที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการศึกษา การเรียนฟรีมีคุณภาพ การคืนครูให้นักเรียน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพียงแต่ว่าบางเรื่องก็ไม่ควรดำเนินการเช่น นโยบายรถคันแรก จำนำข้าว ซึ่งจะเกิดปัญหา แต่การประกันรายได้เกษตรกรเป็นเรื่องที่ควรจะมีและต่อไปจะต้องเป็นการประกันรายได้กับคนทุกกลุ่มในเชิงรัฐสวัสดิการที่แท้จริง แต่สิ่งที่ทำกันอยู่ตอนนี้เหมือนจะเป็นแนวคิดรัฐสวัสดิการ แต่ตอนหลังกลับไม่ใช่ เพราะ การแจกเงินมีหลักเกณฑ์ไม่ชัดเจน ทั้งที่บอกไว้ตอนต้นปีว่าคนจนจะหมดไป แต่ปลายปีกลับมีคนจนเพิ่มขึ้นมา 3 ล้านคน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยัง กล่าวถึงกรณีรองนายกรัฐมนตรีระบุว่า 4 รัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มีกฎหมายบังคับให้ต้องลาออกจากตำแหน่งว่า เคยพูดไปแล้วว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ในกฎหมาย แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากรัฐบาลชุดก่อนๆ คือรัฐบาลชุดนี้มีอำนาจมากกว่าอดีตในช่วงการเลือกตั้ง ทั้งที่เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมองว่า บุคคลที่มีส่วนได้เสีย ไม่ควรใช้อำนาจเต็มได้ในช่วงการเลือกตั้ง จึงขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้มีอำนาจ ว่าต้องการยกระดับการเมืองไทย ต้องการรักษาธรรมาภิบาลหรือไม่

ส่วนกรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุ ถึงการทาบทามเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองว่า ยังไม่ถึงเวลานั้น นายอภิสิทธิ์บอกว่า เรื่องนี้ก็คงเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พูดในทำนองอยากชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงานกันนั้น ก็คงพูดในทำนองว่าคุยกันได้เท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าพลเอกประวิตร เคยบอกว่าไม่เล่นการเมือง

ส่วนกรณี รองเลขาธิการ กกต. ระบุว่า หากอยากให้ทุกเขตเลือกตั้งใช้เบอร์เดียวกัน ก็ให้พรรคการเมืองไปคุยกันเองนั้น นายอภิสิทธิ์ บอกว่า เป็นไปได้ยากเพราะบางพรรคการเมืองก็ไม่ได้ส่งครบทุกเขต แต่หากทำให้เป็นเบอร์เดียวกันได้ ก็เป็นเรื่องสะดวกสำหรับประชาชน เพราะมองว่าไม่ได้มีข้อเสียอะไร และโดยส่วนตัวอยากให้บัตรเลือกตั้งมีทั้งชื่อคนและชื่อพรรคการเมือง หรืออะไรที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ก็ควรจะดำเนินการ เพื่อป้องกันการสับสน ไม่น่าเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าอะไรเป็นเรื่องสะดวกสำหรับประชาชน

สำหรับกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความชักชวนแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังมีคำสั่งปลดล็อคพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ควรจะมีการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ก็มองว่าไม่ควรนำประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาสร้างความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าในช่วงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องได้รับฉันทามติจากคนทั่วไป และต้องตกผลึกว่าจะแก้ไขในประเด็นใด ไม่ใช่หยิบขึ้นมาเพื่อเผชิญหน้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วย จึงจำเป็นต้องมีความชัดเจนพอสมควรเกี่ยวกับประเด็นที่จะแก้ไข เช่นความเป็นประชาธิปไตย และแก้ไขเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น ไม่ใช่แก้ไขเพื่อลดทอนการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของนักการเมือง

นายอภิสิทธิ์ ย้ำด้วยว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า หากไม่ระมัดระวัง และทำให้ประเทศกลับสู่ความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง สุดท้ายจะไม่ได้อะไร

สำหรับการเสวนาเกี่ยวกับท้องถิ่นในวันนี้ นายอภิสิทธิ์บอกว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าเต็มที่ และสนับสนุนการกระจายอำนาจมาทุกยุคทุกสมัย ตอนนี้มาถึงจุดที่จะต้องยกระดับการกระจายอำนาจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง คือการเลือกผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดในรูปแบบจังหวัดจัดการตนเอง เรื่องการให้อำนาจและความเป็นอิสระกับท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาโดยไม่ติดขัดข้อกฎหมายเหมือนที่ผ่านมา ควบคู่ไปกับการมีกฎหมายแม่บทกำกับให้เกิดธรรมาภิบาล แก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เพราะหากไม่มีการกระจายอำนาจ จะทำให้การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นไปได้ยาก และการบริหารจัดการหลายปัญหาไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากร การศึกษา หรือพลังงาน ก็จะเกิดปัญหาติดขัด หากเติมพลังให้กับท้องถิ่นได้อย่างเต็มที่ ก็จะสามารถยกระดับความเป็นอยู่ขึ้นมาได้

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...