หวังหาเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส.ที่ครบกำหนดชำระในสิ้นเดือน มี.ค.2559
ชาวนาหลายหมู่บ้านใน ต.กลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนักจากราคาข้าวที่ตกต่ำสุดในรอบหลายปี เหลือเพียงกิโลกรัมละ 7-8 บาท ซึ่งไม่คุ้มทุน ขณะที่ผู้ประกอบการโรงสีบางแห่งไม่รับซื้อข้าวของเกษตรกร โดยอ้างไม่มีสถานที่จัดเก็บเพราะระบายออกไม่ทัน อีกทั้งบางพื้นที่ก็ประสบปัญหาภาวะภัยแล้งซ้ำเติม ทำให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่ จึงต้องติดประกาศขายที่นาด่วนในราคาถูกเฉลี่ยไร่ละ 350,000-400,000 บาท
แม้จะเป็นที่ดินที่มีโฉนด และอยู่ติดถนนเชื่อมต่อระหว่างตำบล ถือว่าทำเลดีที่จะสามารถเรียกราคาได้ถึงไร่ละ 600,000-700,000 บาท แต่ชาวนาที่ติดประกาศขายบอกว่า สาเหตุที่ตั้งราคาไว้ต่ำเพราะต้องการขายให้ได้เร็ว เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนเศษจะครบกำหนดส่งดอกเบี้ย และชำระหนี้ ธ.ก.ส.ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้แล้ว รวมถึงจะต้องชำระหนี้นอกระบบที่ไปกู้ยืมมาใช้จ่ายในครอบครัว และลงทุนทำนาอีกด้วย ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ จำเป็นต้องประกาศขายที่นาทั้งที่เป็นสมบัติของครอบครอบที่ได้รับตกทอดมาจากพ่อแม่
จากความเดือดร้อนดังกล่าว อยากร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือพยุงราคาผลผลิตข้าวไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15 บาทหรือตันละ 15,000 บาท จึงจะอยู่ที่จุดคุ้มทุน และอยู่รอดได้ เพราะต้องแบกรับภาระทั้งค่าไถ ค่าจ้างเก็บเกี่ยว และค่าปุ๋ยที่แพงขึ้นทุกปี พร้อมทั้งเร่งแก้ปัญหาเรื่องแหล่งน้ำเพื่อให้เกษตรกรมีน้ำทำนา ไม่ประสบปัญหาขาดน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวด้วย
ชาวนาบุรีรัมย์ระทมราคาข้าวทรุด ภัยแล้งซ้ำเติมจำยอมประกาศขายที่นาราคาถูกหวังหาเงินใช้หนี้
นายสนอง ปัญญาแหลม ชาวนา ม.6 บ้านท้องเรือ ต.กลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องติดประกาศขายที่นาเพราะไม่มีทางออกอื่น เพราะต้องเร่งหาเงินไปใช้หนี้ ธ.ก.ส.และหนี้นอกระบบที่กู้ยืมมาใช้จ่ายในครอบครัว และลงทุนทำนา แต่กลับขายผลผลิตข้าวได้ราคาต่ำต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ทำให้ปัจจุบันมีหนี้สินสะสมอยู่มากกว่า 600,000 บาท และไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ จำเป็นต้องประกาศขายที่นาสมบัติที่ใช้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว