คมนาคมเตรียมพร้อมรับมือพายุปาบึก ทย.ตั้งศูนย์ปฎิบัติการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่กรมทางหลวงชนบทได้สั่งการหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ประเมินสถานการณ์ทุก 2 ชั่วโมง
นางอัมพวัน วรรณโก อธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ทย.)เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมท่าอากาศยานจัดตั้งศูนย์ปฎิบัติการกลางที่ชั้น 2 อาคารศูนย์เทคโนโลยี่และสารสนเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์พายุปาบึก เชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างกรมท่าอากาศยาน กรุงเทพ กับ ท่าอากาศยานในภาคใต้โดยแต่งตั้งนายวิทวัส ภักดีสันติสกุล รองอธิบดีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ร่วมกับ ผู้บริหารส่วนกลางสนับสนุนข้อมูลและประสานงานกับท่าอากาศยานภาคใต้
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 3 ม.ค. เวลา15.00น ทุกท่าอากาศยาน อากาศยานยังคงขึ้นลงได้ตามปกติ ในส่วยของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เที่ยวบินเต็มและสายการบินไลออนแอร์จะเปลี่ยนแบบอากาศยานให้ใหญ่ขึ้นเป็น A330 ความจุ 390 ที่นั่งเพื่อรับขนผู้โดยสารที่เดินทางจากเกาะมารอขึ้นเครื่องจากท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีออกไปให้มากที่สุด
ด้านนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า กรมทางหลวงชนบทได้สั่งการหน่วยงานในพื้นที่ภาคใต้ รองรับสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก โดยให้แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินสถานการณ์ทุก 2 ชั่วโมง พร้อมเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร ป้ายเตือน สะพานเบลีย์ และยานพาหนะ พร้อมเข้าดำเนินการช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึงบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังให้จัดรถโมบายช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นได้ชั่วคราวก่อนการเคลื่อนตัวของพายุ โดยแบ่งการเตรียมความพร้อมรับมือเป็น 3ระยะ ดังนี้
1. ก่อนเกิดเหตุ (Preparation) ดำเนินการทำความสะอาดช่องทางระบายน้ำ พร้อมทั้งจัดชุดลาดตระเวนเส้นทางที่มีความเสี่ยง กรณีเกิดเหตุการณ์พายุฝนฟ้าคะนอง และมีต้นไม้ล้มบนเส้นทางหลวงชนบท ให้เข้าดำเนินการเคลียร์เส้นทางโดยเร็ว
นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และตรวจสอบพื้นที่เพื่อป้องกันทางหลวงชนบทในความรับผิดชอบ (Prevention) โดยเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง/พื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ หรือเคยได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติที่ผ่านมา รวมทั้งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของถนนและสะพานเตรียมเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องมือ เครื่องจักรกล ป้ายเตือน ต่างๆ
อย่างไรก็ตามกรมฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าไว้ประสานงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักร ยานพาหนะ กรณีมีการร้องขอจากหน่วยงานในพื้นที่อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์
2. เมื่อเกิดเหตุ ให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และรายงานข้อมูลสายทางที่ประสบอุทกภัยให้กับผู้บริหารจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์จะดำเนินการดังนี้ กรณีน้ำท่วมสูง ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือนในบริเวณที่มีน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง ติดตั้งหลักนำทางกำหนดขอบเขตการจราจร กรณีถนน/สะพานขาด เร่งดำเนินการติดตั้งสะพานเบลีย์เชื่อมทาง หรือดำเนินการถมวัสดุเชื่อมเส้นทางเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางในการสัญจรได้โดยเร็ว กรณีดินไหล่เขาข้างทาง Slide ปิดทับเส้นทาง ดำเนินการนำเครื่องจักรเข้าเกลี่ยดินออกจากเส้นทาง ให้สัญจรโดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการสัญจรกรณีประชาชนเข้าที่พักอาศัยไม่ได้ จะจัดรถบรรทุกไว้ให้บริการรับส่งประชาชนในพื้นที่ประสบภัย