กรมการค้าต่างประเทศโชว์ผลสำเร็จร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดคณะผู้แทนการค้าลุยเปิดตลาดอินโดนีเซีย เผยประสบความสำเร็จในการจัดเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจ ซื้อขายทันที 1 ล้าน ภายใน 1 ปี อีก 20 ล้าน ระบุยังได้ชวนนักธุรกิจรุ่นใหม่อินโดนีเซียเข้าร่วมโครงการ YEN-D ที่จะจัดขึ้นเดือนมี.ค.นี้ด้วย
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุน ภายใต้แผนงานการพัฒนาความร่วมมือเขตเศรษฐกิจสามฝ่ายระหว่างประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย (IMT-GT) ระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้ กรมฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา นำคณะผู้ประกอบการจำนวน 20 ราย ทำกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องแต่งกาย ของแต่งบ้าน ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ เครื่องใช้สำนักงาน กับผู้นำเข้าอินโดนีเซียที่มาร่วมเจรจาการค้า จำนวน 60 รายซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ผลการเจรจาได้มีการสั่งซื้อทันทีคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท และจะมีการสั่งซื้อภายใน 1 ปี อีกกว่า 20 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ น้ำอินทผลัม เครื่องปรุงรส น้ำปลา เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ยางพารา ปุ๋ย น้ำพริก น้ำมันเครื่องยนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้มีการนำผู้ประกอบการไทยเดินทางไปพบผู้นำเข้า หรือ Knock Door ณ ที่ทำการของบริษัทนำเข้าโดยตรง เช่น สินค้าอินทผลัม เครื่องสำอาง ยาสีฟัน ทำให้สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดและสามารถเจรจาซื้อขายกับบริษัทผู้นำเข้าได้เพิ่มขึ้นด้วย
นายอดุลย์กล่าวว่า กรมฯ ยังได้นำคณะเข้าหารือกับกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Coordinating Ministry for Economic Affairs) ของอินโดนีเซีย และผู้แทนหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย (KADIN) ทั้งจากส่วนกลางและหอการค้าฯ จากเกาะต่างๆ จำนวน 10 ราย โดยได้หารือถึงความร่วมมือภาครัฐและเอกชน 2 ประเทศภายใต้แผนงาน IMT-GT ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งกรมฯ ได้ใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์โครงการ Young Entrepreneur Network Development Plus Program หรือ YEN-D Plus Program ซึ่งเป็นโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดยได้ชักชวนให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ของอินโดนีเซียเข้าร่วมโครงการที่จะจัดชึ้นในเดือนมีนาคม 2562 จำนวน 30 ราย
ส่วนผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ขอให้ฝ่ายอินโดนีเซียร่วมกันขับเคลื่อนภายใต้สภาธุรกิจไทย-อินโดนีเชีย เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดตั้งสภาธุรกิจอินโดนีเซียและจัดทำแผนการดำเนินการร่วมกัน เพื่อนำเสนอในที่ประชุม Summit ในเดือนมิถุนายนต่อไป
สำหรับการจัด Business Forum เรื่อง โอกาสการค้าและการลงทุนในอินโดนีเซียและไทย มีวิทยากรเชี่ยวชาญจาก 2 ประเทศ เช่น กระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ มาตรการการค้า โดยเฉพาะสินค้าฮาลาล และยังมีหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของอินโดนีเซียเกี่ยวกับกฎระเบียบการส่งเสริมการลงทุน สำหรับฝ่ายไทยมีวิทยากรจากศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับ โครงการ YEN-D Plus เพื่อสร้างเครือข่ายทางการค้า และผู้แทน BOI ประจำกรุงจาการ์ตา ให้ความรู้ด้านมาตรการส่งเสริมการลงทุนในไทย เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในอินโดนีเซียเข้าร่วมฟังเป็นอย่างมาก