นายแพทย์สุขุมกล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลยังมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ได้ออกมาตรการเน้นหนักให้จังหวัดในเขตปริมณฑลพร้อมดำเนินการ 5 มาตรการได้แก่ 1.ติดตาม สถานการณ์ ประเมิน กลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยงทุกวัน2.เฝ้าระวังต่อผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น หอบ หืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และหลอดเลือด หากเจ็บป่วยเฉียบพลัน รีบไปหาแพทย์3.สื่อสารแจ้งเตือนประชาชน พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำการปฏิบัติตน 4.ลงพื้นที่ให้ความรู้ สร้างความตระหนักเรื่องฝุ่นและการป้องกันตนเองในกลุ่มเสี่ยงในสถานที่ต่างๆ ได้แก่ โรงเรียน สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งเผยแพร่สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ ชุดความรู้ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM 2.5 ให้กับประชาชนในทุกช่องทาง 5.เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล จัดคลินิกเฉพาะโรค และจัดสายด่วนให้คำปรึกษา
“ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ได้รับผลกระทบติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เฝ้าระวังดูแลสุขภาพประชาชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทำงานเชิงรุกออกให้คำแนะนำวิธีการป้องกันตนเอง ผ่านสื่อทุกช่องทาง ทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล กรณีปริมาณฝุ่นสูงขึ้นจนถึงค่าวิกฤต จำเป็นต้องนำ พ.ร.บ.สาธารณสุขมาใช้จะอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งการประกาศหยุดเรียน การงดกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้งให้อยู่ในดุลยพินิจของพื้นที่"
ที่ผ่านมา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินงานเชิงรุก อาทิ ในกทม.ได้ลงพื้นที่หลายแหล่ง สร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตน และแจกหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งแนะนำการใส่หน้ากากที่ถูกต้อง เช่น โรงเรียน สถานีตำรวจ ด่านการทางพิเศษ เป็นต้น ที่ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี สอนให้ประชาชนทำหน้ากากอนามัย สอนการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกต้องแก่ครู – นักเรียน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี ออกคัดกรองพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพประชาชน แจกหน้ากากอนามัย ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422 หรือติดตามข้อมูลการดูแลตนเองจากเว็บไซต์กรมอนามัย www.anamai.moph.go.th คลิ๊กที่หัวข้อ “ภัยสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5”