สภาพัฒนาการเมืองตั้งธง สนับสนุนให้มีการจัดตั้งสภาพลเมืองให้ครบทั้ง 77 จังหวัด เพื่อให้ชาวบ้านได้มีส่วนในการกำหนดอนาคตและแก้ปัญหาในจังหวัดของตนเอง แทนที่จะอาศัยภาครัฐแต่เพียงอย่างเดียว พร้อมยกตัวอย่างเขาหัวโล้นจังหวัดน่าน เป็นผลมาจากนายทุนเข้าไปส่งเสริม ขณะที่ชาวบ้านไม่มีทางเลือก และรัฐแก้ปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว
ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวว่า จะผลักดันให้มีการจัดตั้งสภาพลเมือง ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด โดยมีองค์ประกอบมาจากประชาชนทุกภาคส่วน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาภายในจังหวัด ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาคอร์รัปชัน ทั้งนี้ประชาชนจะต้องตัดสินใจเองว่าบ้านเมืองของเขา จะก้าวเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งเมื่อก่อนนี้ผู้ว่าฯเป็นผู้มีบทบาทนำในจังหวัด โดยรับคำสั่งจากส่วนกลางมาจัดทำเป็นนโยบายจังหวัด และเมื่อผู้ว่าฯต้องการอะไรก็จะสั่งต่อไปที่รองผู้ว่าฯ ถึงปลัดจังหวัดและไปที่นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งล้วนแต่เป็นกลไกของมหาดไทยทั้งสิ้น
“แต่ในอนาคตผู้ว่าฯจะต้องฟังประชาชนด้วยว่าประชาชนคิดและต้องการอย่างไร ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของเขาเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนาชุมชน เพราะคนในพื้นที่ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นสิ่งดี และสามารถนำมาพัฒนาศักยภาพของเขาได้เอง เช่น จังหวัดพังงามีศักยภาพเรื่องการท่องเที่ยวดี ชาวพังงาก็ต้องมาร่วมคิดกันว่าจะทำกันอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ภาครัฐมีบทบาทนำอยู่ฝ่ายเดียว”
ศ.ดร.ธีรภัทร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมา จากการที่ภาครัฐเป็นฝ่ายนำ ทำให้จังหวัดต่างๆ สูญเสียอัตลักษณ์ของตนเองไปมาก เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ โดยที่คนในจังหวัดไม่ได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำด้วย เช่น จังหวัดน่าน มีเขาหัวโล้นเต็มไปหมด เพราะถูกชาวบ้านเข้าไปบุกรุกปลูกข้าวโพด มีบริษัทใหญ่ระดับชาติเข้าไปให้การสนับสนุนในเรื่องการเพาะปลูก ให้เมล็ดพันธุ ให้ยาปราบหญ้า และยาปราบสัตรูพืช เมื่อมีผลผลิตออกมาก็จะเข้าไปรับซื้อคืน เพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์ ตามราคาที่นายทุนกำหนด ในรูปแบบคอนแท็กฟาร์มมิ่ง ชาวบ้านจึงได้หันไปบุกป่าทำไร่ข้าวโพดกันมาก เพราะไม่มีทางออก และไม่รู้ว่าจะทำอะไรกินด้วย
“ผมได้เข้าไปพบชาวบ้านที่ตำบลหนึ่ง โดยมีผู้นำ อบต. มีตัวแทนชาวบ้านมาพุดคุยกันหลายคน ซึ่งชาวบ้านก็เห็นด้วยว่าอยากให้มีป่าไม้ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแต่ละครอบครัวก็มีหนี้สิน ครอบครัวหนึ่งไม่ต่ำกว่าแสนบาท ถ้าไม่ให้เขาทำข้าวโพดก็ต้องบอกเขาด้วยว่าจะให้เขาไปทำอะไรกิน ถ้าจะปลูกป่า เราจ้างเขาดูแลรักษาได้ไหม ดังนั้นภาครัฐต้องนำไปคิดให้ตกผลึกว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ซึ่งผมคิดว่าถ้าความต้องการซื้อไม่มี ความต้องการขายก็จะไม่เกิดขึ้น ก็ต้องขอความร่วมมือว่าถ้าคุณต้องการแบบนี้ คุณจะต้องปลูกป่าด้วย โดยกำหนดพื้นที่ให้ชัด คือต้องมารับผิดชอบต่อสังคมให้มากขึ้นด้วย เรื่องแบบนี้ประชาชนในจังหวัดต้องร่วมกันคิด เสนอทางแก้ไขปัญหาร่วมกับภาครัฐ ไม่ใช่ปล่อยให้รัฐแก้ปัญหาอยู่ฝ่ายเดียว” ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าว