กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้ารับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ปล่อยคาราวานเครื่องจักร เครื่องมือ เตรียมช่วยเหลือในพื้นที่ พร้อมบูรณาการด้านข้อมูลน้ำอย่างเป็นระบบ หวังบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรและประชาชน
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมการรับมือภัยแล้ง และพิธีปล่อยขบวนคาราวานเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง ณ บริเวณสนามฟุตบอล (น้ำแก้จน) กรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่า ตามที่นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ที่เกี่ยวข้องมีความตื่นตัว ตระหนัก และเตรียมพร้อมในการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะมาถึง โดยมอบหมายให้กรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำฐานข้อมูลปริมาณน้ำทั้งประเทศ ความต้องการใช้น้ำ ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทานอย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นรายพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง และกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ ทั้งในการเตรียมความพร้อมด้านเครื่องมือ เครื่องจักรในการช่วยเหลือหากประสบภาวะขาดแคลนน้ำ รวมทั้งการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยการประชุมในครั้งนี้ได้มีการรายงานผลการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2561/62 (1 พ.ย. 61-7 มี.ค. 62) มีปริมาณน้ำเก็บกักทั้งประเทศ แบ่งเป็น 1) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 47,141 ล้าน ลบ.ม. นำมาใช้ได้ 23,599 ล้าน ลบ.ม. 2) อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 412 แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ 2,696 ล้าน ลบ.ม. นำมาใช้ได้ 2,310 ล้าน ลบ.ม. และ 3) ปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำอื่นๆ นำมาใช้ได้ 1,138 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำใช้การทั้งประเทศ 27,047 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้
"วันนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ปล่อยคาราวานเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำ ลงไปในพื้นที่เสี่ยงที่จะประสบภัยแล้ง ตามนโยบายของรัฐบาลที่มอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ เข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาภัยแล้งของเกษตรกรและประชาชน อีกทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เน้นย้ำและกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำให้ตลอดรอดฝั่งในช่วงแล้งนี้ ซึ่งได้มีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 และจากการวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งจึงได้มีการเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร ลงไปในพื้นที่เพื่อบรรเทาภัยแล้งในเบื้องต้น รวมทั้งมีแผนการติดตามสถานการณ์และรายงานผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รับทราบในทุกวันจันทร์อีกด้วย" ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าว
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นการปล่อยขบวนคาราวานเครื่องมือ เครื่องจักร อาทิเช่น รถบรรทุกน้ำและเครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรกลอื่นๆ จากสำนักเครื่องจักรกลส่วนกลาง เข้าสนับสนุนพื้นที่เพิ่มเติม โดยจัดส่งเครื่องสูบน้ำจำนวน 1,935 เครื่อง รถสูบน้ำจำนวน 258 คัน เครื่องผลักดันน้ำจำนวน 527 เครื่อง รถขุดจำนวน 499 คัน เรือขุดจำนวน 69 ลำ รถบรรทุกจำนวน 511 คัน รถบรรทุกน้ำจำนวน 106 คัน รถแทรกเตอร์จำนวน 565 คัน เครื่องจักรกลสนับสนุนอื่นๆ อีก 373 เครื่อง และสะพานเหล็กแบบถอดประกอบได้ยาว 44 เมตร จำนวน 7 อัน พร้อมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น