นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังประชุมร่วมกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (MLIT) ว่า ในเดือน ต.ค.นี้ กระทรวงฯ เตรียมเป็นประธานร่วมกับญี่ปุ่นและตัวแทนจาก 10 ประเทศในอาเซียน เพื่อจัดงานอาเซียนสมาร์ท ซิตี้ เน็ตเวิร์ค หรือโครงการเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน ซึ่งเป็นงานที่จะรวบรวมแนวทางการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ของแต่ละประเทศ ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะนำแผนพัฒนาศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ที่จะนำร่องพัฒนาเป็นสมาร์ทซิตี้เต็มรูปแบบของไทยไปถ่ายทอดในงานนี้
“กระทรวงต้องหารือร่วมกับ 2 กระทรวง คือกระทรวงพลังงานและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อร่วมจัดงานนี้ตามที่ญี่ปุ่นเสนอมา เพราะหัวข้อที่จะพูดคุยเกี่ยวข้องกับหลายส่วน อาทิ การขนส่ง การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ส่วนนี้กระทรวงคมนาคมจะรับผิดชอบ และยังมีหัวข้อการจัดการพลังงาน การจัดการเทคโนโลยีและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงดิจิทัลฯ” นายชัยวัฒน์ กล่าว และเปิดเผยต่อไปว่า
สำหรับประเด็นหลักการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ที่ไทยจะนำเสนอ คือเรื่องประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ พัฒนาเมืองแบบสมาร์ทซิตี้ที่ครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของพื้นที่และอำนวยความสะดวกการเดินทาง และการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างไร ซึ่งปัจจุบันไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และได้เริ่มต้นพัฒนาสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่ศูนย์คมนาคมพหลโยธินแล้ว โดยขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมเปิดประมูลจัดหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาแปลง A เป็นส่วนแรก โดยแปลง A ภายในศูนย์คมนาคมพหลโยธินนี้ มีพื้นที่ 32 ไร่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท รฟท.จะพัฒนาในรูปแบบมิกซ์ยูส และห้างสรรพสินค้า
ด้านนายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการผู้ว่าการ รฟท. กล่าวว่า รฟท.เตรียมประกาศเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) จัดหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในศูนย์พหลโยธิน แปลง A เดือน มี.ค.นี้ โดยแผนพัฒนาศูนย์คมนาคมพหลโยธิน ถือเป็นโครงการนำร่องที่จะพัฒนาให้เป็นสมาร์ทซิตี้แห่งแรกของประเทศ โดย รฟท.ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการแล้ว โดยเนื้องานที่จะเกิดขึ้นในโครงการสมาร์ทซิตี้ จะมีทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกอุปโภคและบริโภค เช่น อินเตอร์เน็ต ระบบน้ำ ระบบไฟฟ้า การพัฒนาพลังงานทดแทน เป็นต้น