ตามที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร และนายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการควบคุมทางศุลกากร มีนโยบายให้สำนักสืบสวนและปราบปราม เพิ่มความ เข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดให้โทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวต่อเนื่อง ซึ่งในการนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา นายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม ได้เป็นประธานมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำหรับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวในพิธีปล่อยแถวเรือตรวจการณ์ และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับขบวนการลักลอบยาเสพติดข้ามชาติ ผ่านทางท่าอากาศยานนานาชาติ เช่น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษ
ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการของนายธาดา ชุมไชโย ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม นายไชยทัต นิวาศะบุตร รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม และนายเดชา วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนปราบปราม 3 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 สำนักสืบสวนและปราบปรามนำโดย นายชัยวัฒน์ วรปัญญา หัวหน้าฝ่าย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งปฏิบัติการร่วมกันภายใต้กรอบความร่วมมือโครงการ Airport Interdiction Task Force หรือ AITF ได้ทำการติดตามตรวจสอบผู้โดยสารสัญชาติเซเนกัลรายหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาจากกรุงลากอส ประเทศไนจีเรีย ผ่านกรุงอาดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย ปลายทางกรุงเทพมหานคร โดยสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET 628 ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการข่าวโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรส่วนสืบสวนปราบปราม 3 มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้โดยสารรายดังกล่าวน่าจะลักลอบนำเข้ายาเสพติดโดยการกลืนลงท้อง จึงได้ขอเข้าทำการตรวจค้นพร้อมนำตัวไปทำการเอ็กซเรย์
จากการตรวจสอบผลการเอ็กซเรย์ เจ้าหน้าที่พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากอยู่ในช่องท้องของผู้ต้องสงสัย จึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบสวนเบื้องต้นเพื่อทำการขยายผล แต่เนื่องจากข้อมูลที่ผู้ต้องสงสัยให้การไม่สอดคล้องกับข้อมูลของชุดจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ยกเลิกแผนปฏิบัติ และได้นำตัวผู้ต้องสงสัยไปขับถ่ายวัตถุแปลกปลอมที่ตรวจพบออกมาจนหมด รวมทั้งสิ้น 99 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.9 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำไปตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) คิดเป็นมูลค่าของกลางที่สามารถจำหน่ายได้ในท้องตลาดประมาณกว่า 5.7 ล้านบาท จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง การจับกุมการลักลอบนำเข้าโคเคนของสำนักสืบสวนและปราบปราม ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้ ถือเป็นการจับกุมผู้ต้องหาที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาที่ใช้วิธีการกลืนยาเสพติดเพื่อซุกซ่อนอำพรางเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน