นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีภายใต้ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2562 – 31 มีนาคม 2563 สำหรับสินค้าเกษตร ที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น 3 รายการ ได้แก่ กล้วยสด 8,000 ตัน สับประรดสด 300 ตัน และเนื้อสุกรปรุงแต่ง 1,200 ตัน ซึ่งนับเป็นปีที่ 13 ตั้งแต่ปี 2550 ที่ไทยได้รับสิทธิโควตายกเว้นภาษีนำเข้าทั้งหมดหรือบางส่วน สำหรับสินค้าเกษตรที่ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า คือ กล้วยสด และสับปะรดสด ในส่วนของเนื้อสุกรปรุงแต่งเสียภาษีนำเข้าเพียง 16% จากอัตราภาษีนำเข้าปกติของกล้วยสดอยู่ที่ 20 - 25% สับปะรดสด 17% และเนื้อสุกรปรุงแต่งอยู่ที่ 20% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก
สำหรับผู้ส่งออกที่จะขอใช้สิทธิโควตาภาษีตามความตกลง JTEPA จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ผู้ส่งออกกล้วยสดต้องมีรายชื่อและได้รับจัดสรรปริมาณส่งออกตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด ในส่วนผู้ส่งออกเนื้อสุกรปรุงแต่ง ต้องมีรายชื่อตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด โดยต้องส่งออกจากโรงงานแปรรูปเนื้อสุกรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานสุขอนามัยของประเทศญี่ปุ่นแล้วเท่านั้น สำหรับผู้ส่งออกสับปะรดสดสามารถขอใช้สิทธิประโยชน์ได้เป็นการทั่วไป โดยสินค้าสับปะรดสดและเนื้อสุกรปรุงแต่ง โดย กรมฯ จะออกหนังสือรับรองโดยใช้หลักการยื่นขอก่อนได้รับสิทธิก่อน (First come, first served) จนกว่าจะครบปริมาณตามที่กำหนด ซึ่งรายละเอียดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิต่างๆ จะระบุอยู่ในประกาศกรมการค้าต่างประเทศดังกล่าวทั้งนี้ ผู้ส่งออกสามารถยื่นขอหนังสือรับรองประกอบการส่งออก ซึ่งได้แก่ (1) หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin: Form JTEPA) และ (2) หนังสือรับรองการได้รับสิทธิยกเว้นภาษทั้งหมดหรือบางส่วน(Certificate of Tariff Rate Quota) เพื่อนำไปยื่นต่อศุลกากรประเทศญี่ปุ่นในการลดภาษีนำเข้าต่อไป
นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการขอใช้สิทธิโควตาส่งออก JTEPA ปีที่ผ่านมามีสัดส่วนค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะสับปะรดสดและกล้วยสด โดยพบว่า สับปะรดสด มีผู้ขอใช้สิทธิเพียง 1.6% หรือ ปริมาณ 5.2 ตัน เท่านั้น สาเหตุหลักจากข้อจำกัดเรื่องขนาดน้ำหนักสับปะรดที่ต้องไม่เกิน 900 กรัมต่อผล สำหรับกล้วยสดมีผู้มาขอใช้สิทธิเพียง 24.3% หรือปริมาณ 1,947.72 ตัน เนื่องจากมีผลผลิตไม่มากพอที่จะตอบสนองกับความต้องการบริโภคในประเทศ และมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในปริมาณที่มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอที่จะส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับผลผลิตกล้วยสดจะต้องควบคุมให้ได้คุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาดญี่ปุ่นอีกด้วย ผู้ส่งออกไทยจึงไม่สนใจที่จะส่งออกไปยังญี่ปุ่นมากนัก สำหรับเนื้อสุกรปรุงแต่ง ได้รับสิทธิ 1,200 ตันต่อปี มีผู้มาใช้สิทธิเต็มโควตาทุกปี
กรมฯ จึงขอเชิญชวนผู้ส่งออกไทย ที่สนใจจะส่งออกสินค้าเกษตรทั้ง 3 รายการ โดยเฉพาะกล้วยสดและสับปะรดสดไปญี่ปุ่น มาขอใช้สิทธิโควตาภายใต้ความตกลง JTEPA ให้มากขึ้น ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดขั้นตอนการขอใช้สิทธิได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือข้อคำแนะนำหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1385