ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท่องเที่ยว ย้อนกลับ
ชมทะเลอันดามัน เดินบนสันหลังมังกร ที่เกาะสุกร
17 เม.ย. 2562

               ใครที่ไปเที่ยวภาคใต้ “ทะเล” น่าจะเป็นคำตอบแรกของใครหลาย ๆ คน เกาะสุกร ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาความอุดมสมบูรณ์พร้อมรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ซึ่งวิธีการไปเที่ยวเกาะนี้นั้นจะต้องลงเรือที่แหลมตะเสะ หรือหาดสำราญ โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ครึ่ง ถึง 1 ชม. ก็จะมาถึงเกาะสุกร ด้วย ถ้านำรถมาจะนำไปด้วยก็ได้แต่ต้องใช้บริการแพขนานยนต์บรรทุกเข้าไป แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของชาวบ้านไม่กี่หลังคาเรือน ใช้อยู่ภายในเกาะเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เล็ก ๆ อย่างจักรยานยนต์หรือรถจักรยานเท่านั้น เมื่อมาถึงเกาะจะพบกับชาวบ้านคอยให้บริการรถซาเล้งพาทัวร์รอบเกาะ จอดรอให้บริการอยู่ที่ท่าเทียบเรือ นั่งได้ประมาณ 4-5 คน ค่าบริการแบบราคาชาวบ้าน หรือหากใครอยากจะมาพักที่นี่ก็มีรีสอร์ทมากมายไว้คอยต้อนรับอีกด้วย

                สำหรับพื้นเพคนบนเกาะสุกร ส่วนใหญ่เป็นคนนับถือศาสนาอิสลามหรือเป็นคนมุสลิมเกือบ 99% โดยประกอบอาชีพประมง ทำสวนยาง และเกษตรกรรม ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าเป็นเมื่อคนส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม ทำไมถึงเรียกเกาะนี้ว่าเกาะสุกร คนเถ้าคนแก่ได้บอกเล่าถึงตำนานที่เล่าขานกันมาเนิ่นนานว่า อดีตบนเกาะมีหมูป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และชาวประมงกลุ่มหนึ่งซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม ได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานพร้อมขับไล่หมูป่าออกไปจากเกาะ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนชายฝั่งมองไปเห็นฝูงหมูป่ากำลังว่ายน้ำอยู่ จึงเรียกเกาะนี้เกาะหมูหรือเกาะสุกรนับแต่นั้นมา

                สิ่งที่สร้างความประทับใจบนเกาะสุกร ไม่ใช่เพียงแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงามเท่านั้น แต่คือผลผลิตทางการเกษตรที่ไม่นึกว่าจะเจอบนเกาะแห่งนี้ นั้นคือการปลูกแตงโมบนผืนทรายขนานแนวชายฝั่งระยะทางประมาณ 3 กม. กม. นับเป็นจุดแลนด์มาร์คอีกจุดหนึ่งของเกาะนี้เลยทีเดียว โดยแตงโมที่นี้จะมีรสชาติอร่อยไม่หวานมากจนเกินไป ช่วงหน้าแตงโมร้านค้าบนเกาะจะมีแตงโมวางขายกันเกือบทุกร้าน โดยจะออกดอกออกผลช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน  ทำให้หลายคนให้สมยาว่า “หาดแตงโม” และส่งเสริมให้แตงโมกลายเป็นสินค้าขึ้น คนบนเกาะนี้ได้ทำอาชีพเกษตรกรรมด้วย จึงได้มีการเลี้ยงฝูงควายกว่า 300 ตัว โดยชาวบ้านเลี้ยงมันไว้สำหรับทำนาปลูกข้าวสำหรับเลี้ยงคนบนเกาะได้ถึง 4 หมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านจะปล่อยพวกมันลงเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนานเพื่อคลายร้อนและไล่แมลง โดยปล่อยมันตั้งแต่สะพานท่าเทียบเรือประมงถึงหาดแตงโมหรือหาดแตงจีน เป็นระยะทางยาวประมาณ 4 กม. ภาพควายเล่นน้ำทะเล ถือเป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นง่ายนัก สร้างความแปลกตาให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมากและทำให้มันมีชื่อเรียกที่เก๋ไก๋ว่า “ควายทะเล”

                 อีกแหล่งที่เที่ยวของเกาะสุกรที่ขึ้นชื่อไม่แพ้แหลมหยงสตาร์นั่นก็คือ สันหลังมังกรซึ่งที่นี้มีถึง 2 ตัว ได้แก่ สันหลังมังกรหยกและสันหลังมังกรทับทิมสยาม โดย สันหลังมังกรหยกเป็นจากชายหาดที่อยู่กลางทะเล เมื่อน้ำลงจะเกิดเป็นสันดอนทรายเป็นระยะทางยาว 3 กม. แสงแดดจะส่องกระทบเปลือกหอยและดินโคลนที่ผสมกันอยู่บนทางเดินเกิดเป็นสีเขียวมรกตสวยงาม ส่วนสันหลังมังกรทับทิมสยาม เมื่อน้ำลงจะเห็นสันทรายสีน้ำตาลเข้ม ระยะทางยาวประมาณ 5 กม.กว้าง 700 ม. อยู่บริเวณ หมู่ 4 บ้านหาดทรายทอง มีปูแดงตัวเล็ก ๆ  เดินไปมามากมาย ถือเป็นสันหลังมังกรที่ใหญ่และยาวที่สุดแห่งท้องทะเลตรัง จนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาสันหลังมังกรแห่งท้องทะเลอันดามัน”

                  ส่วนใครไม่อยากเปียกจากน้ำทะเลหรือชิมแตงโมจากหาดแตงโมจนเบื่อแล้ว เกาะสุกรก็สร้างจุดชมวิวดีๆ ไว้สำหรับให้เก็บภาพเป็นที่ระลึกคู่กับบรรยากาศสวยๆ โดยจุดชมวิวนี้สามารถขี่จักรยานยนต์หรือจักรยานขึ้นมาได้ ซึ่งปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีศาลาริมทาง ไว้นั่งพักและชื่นชมบรรยากาศโดยรอบ อาจเหนื่อยสักหน่อยเพราะเป็นเนินเขาค่อนข้างลาดชัน แต่เมื่อได้สัมผัสสมบัติจากธรรมชาติที่หาไม่ได้จากเมืองกรุงฯ ทั้งลมเย็นเอื่อย ๆ สบาย ๆ ที่พัดกลิ่นทะเลมาแตะจมูก วิวที่มองได้กว้างไกลจนสุดขอบฟ้า ความเหนื่อยจากการเดินทางก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

                      หลังจากพักเหนื่อยที่จุดชมวิวแล้วถ้ายังอยากเที่ยวต่อ ให้ขี่รถเลียบเชิงเขามาเรื่อย ๆ เคียงคู่กับชายหาดที่ขนานกันไปตามแนวยาวบนถนนคอนกรีต ก็จะมาถึงแหล่งเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของเกาะสุกร นั้นคือบ่อน้ำคอนกรีตที่อยู่บริเวณริมชายหาดลงไปในทะเล ซึ่งดู ๆ ไปก็เหมือนบ่อน้ำธรรมดา แต่ชาวบ้านกลับเรียกมันว่า “บ่อน้ำมหัศจรรย์” เพราะสิ่งที่ทำให้บ่อน้ำแห่งนี้ไม่ธรรมดาคือน้ำในบ่อนั้นจืดสนิทตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่อยู่ในทะเล ไม่ว่าน้ำทะเลจะท่วมบ่อแค่ไหน ก็ไม่มีความเค็มจากน้ำทะเลเจือปนแม้แต่น้อยและน้ำในบ่อก็ไม่เคยเ หือดแห้งเลย ชาวบ้านจึงใช้น้ำในบ่อน้ำนั้นอุปโภคบริโภคในช่วงหน้าแล้ง นับเป็นความมหัศจรรย์ที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากที่เกาะสุกรเท่านั้น

                       หลังจากเที่ยวรอบเกาะกันอย่างหนำใจ แล้วยังไม่อยากกลับ บนเกาะสุกรแห่งนี้ ก็ยังมีบริการรีสอร์ทให้เลือกพักมากมาย มีทั้งแบบที่เป็นโฮมสเตย์ เป็นแบบห้องพัก มีทั้งแบบติดทะเลและไม่ติดทะเล พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล้วนแล้วแต่ว่านักท่องเที่ยวชอบแบบไหนก็สามารถเลือกพักกันได้ตามใจชอบ พร้อมดื่มด่ำไปกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ นั่งดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น นอนฟังเสียงแมลงยามค่ำ เคล้าเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่ง ตื่นเช้าขึ้นมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมจิบกาแฟไปอย่างเพลิดเพลิน ชาวบ้านก็มีมิตรไมตรีที่ดี หากใครได้มาท่องเที่ยวที่จังหวัดตรัง ลองแวะมาที่เกาะสุกรแห่งนี้สักครั้ง  รับรองได้เลยว่าจะประทับใจอย่างมิรู้ลืม

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...