ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
GPSC ลงนามซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้า ERU จากไทยออยล์ ใช้กากน้ำมันที่เหลือจากกระบวนการกลั่น ผลิตกระแสไฟฟ้า
14 พ.ค. 2562

ผลิตกระแสไฟฟ้า 250 MW

GPSC  ลงนามซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้า ERU จากไทยออยล์ วงเงิน 757 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง ป้อนโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ของ ไทยออยล์ โชว์ศักยภาพโครงการตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม นำกากน้ำมันที่เหลือจากกระบวนการกลั่นมาใช้เป็นเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้า สอดรับแผนพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานของประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2566

ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาซื้อ-ขายหน่วยผลิตพลังงาน (Energy Recovery Unit ERU) ระหว่างบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท เอนเนอยี รีคอฟเวอรี่ ยูนิต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSCซึ่งหน่วย ERU เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ของไทยออยล์

 “การพัฒนาโครงการดังกล่าว นับเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการของภาคอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน โดยการนำกากน้ำมันซึ่งไม่สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการกลั่นได้อีก มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพลังงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือขององค์กรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมและธุรกิจไฟฟ้า เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” ดร.ศิริ กล่าว

 

 

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยการลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ม  เพื่อสอดรับภารกิจหลักในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและศักยภาพในการแข่งขันให้กับประเทศในด้านต่างๆ ความร่วมมือในวันนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการสร้างพลังร่วมอันยิ่งใหญ่ หรือ Synergy ในกลุ่ม ปตท. โดย “ไทยออยล์” แกนนำด้านการกลั่นและปิโตรเคมีกลุ่ม ปตท.  และ  “GPSC” แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้า กลุ่ม ปตท.  ได้บรรลุข้อตกลงในการซื้อ – ขาย หน่วยผลิตพลังงาน (Energy Recovery Unit ERU) ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสองบริษัทได้ดำเนินกิจกรรมตามธุรกิจหลัก (Core Business)  และใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านการกลั่นและไฟฟ้า  เพื่อความเป็นเลิศของกลุ่ม ปตท. ตลอดจนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตามแผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.ของภาครัฐร่วมกัน 

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นไทยออยล์ ได้มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด หรือ Clean Fuel Project โดยมีวงเงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 4,825 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นปัจจุบันของไทยออยล์ จากกำลังการกลั่นที่ 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะประกอบไปด้วยการสร้างหน่วยผลิตใหม่ต่างๆหลายหน่วยอาทิหน่วยกลั่นน้ำมันดิบที่ 4, หน่วยแตกตัวน้ำมันหนักให้เป็นน้ำมันเบาโดยใช้ Hydrogen หรือ RHCU และหน่วย Energy Recovery Unitหรือ ERU ซึ่งทำหน้าที่หลักในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของโครงการ CFP

“ในการจัดทำโครงการ CFP ดังกล่าว บริษัทฯ มีแนวทางที่จะจัดหาผู้สนใจลงทุนในหน่วย ERU แทนการลงทุนจัดสร้างเองทั้งหมด เพื่อเป็นการลดภาระเงินลงทุนในโครงการCFP  และได้พิจารณาเห็นว่า GPSC มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้ลงทุนหน่วย ERUเนื่องจากเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจไฟฟ้า มีความรู้ความชำนาญในการดำเนินการหน่วยผลิตไฟฟ้า    และมีความเข้าใจในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี”

“การที่ GPSC เข้าลงทุนในหน่วย ERU จะทำให้ไทยออยล์ลดภาระการลงทุนในโครงการCFP ลงประมาณ 15 %  ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มสภาพคล่องเพื่อรองรับการลงทุนอื่นๆ ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  นอกจากนั้น ไทยออยล์ยังสามารถร่วมกับ GPSC บริหารจัดการและควบคุมดูแลคุณภาพในการดำเนินโครงการ CFPและหน่วย ERU ในด้านความปลอดภัย ความมั่นคงในการผลิต และดำเนินการเกี่ยวกับ Plant Optimization ของโรงกลั่นได้เช่นเดิม อีกด้วย”

นายชวลิต  ทิพพาวนิช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่  จำกัด (มหาชน) แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท.  กล่าวว่า  การลงนามสัญญาซื้อขายหน่วยผลิตพลังงาน ERU กับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ในการเข้าซื้อหน่วยผลิตไฟฟ้า ERU  มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 757 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,113 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับโอนกรรมสิทธิ์หน่วย ERU ได้ในปี 2566 ในครั้งนี้ GPSC จะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่ GPSC ถือหุ้น 100%  โดยวางแผนการชำระเงินให้กับ ไทยออยล์  ตามความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการ โดยในช่วง 4 ปีแรก (2562-2565) จะชำระเป็นวงเงินทั้งสิ้น 138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 20% ของวงเงินลงทุน โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ  และในปี 2566 บริษัทฯ จะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อมาชำระให้กับไทยออยล์ ในส่วนที่เหลือทั้งหมด อีก 80%

นายชวลิตกล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้นับเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตในธุรกิจจากเชื้อเพลิงในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต ในการสร้างเสริมประสบการณ์ของการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีการใช้เชื้อเพลิงที่มีความหลากหลาย ในการนำกากน้ำมันที่เหลือจากกระบวนการกลั่นมาเป็นเชื้อเพลิง จากความเชี่ยวชาญ ของ GPSCในฐานะผู้ประกอบธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ซึ่งเป็น Power Flagship ให้กับกลุ่ม ปตท. ที่พร้อมร่วมขับเคลื่อนการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ

 

“เพื่อลดภาระการลงทุนโครงการ CFP ไทยออยล์จึงจัดหาผู้ลงทุนแทนการลงทุนจัดสร้างเองทั้งหมด ซึ่ง GPSC ได้รับความไว้วางใจในการพัฒนาโครงการ ERU   ดังกล่าว นับเป็นอีกโครงการสำคัญของ GPSC และไทยออยล์ ที่จะช่วยยกระดับในเรื่องเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านพลังงาน โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาต่อยอดเพื่อการลงทุนในโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต” นายชวลิตกล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...