นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงต่อกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ามีหลายพรรคร่วมประชุมกันในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งมีข่าวปล่อยอีกด้วยว่านายชวน หลีกภัย โทรศัพท์ติดต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณเพื่อขอเข้าร่วมรัฐบาลนั้น กระแสข่าวต่างๆ ดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงเลย อีกทั้งตนมีหลักฐานอยู่ในมือแล้วว่าเป็นการปล่อยข่าวออกมาจากพรรคการเมืองใด เหตุผลที่ต้องออกมาย้ำในเรื่องนี้เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการ กล่าวคือพรรคฯ มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้เมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว คณะกรรมการบริหารพรรคฯ จะต้องกรอกแบบฟอร์ม พ.ก.4 (หนังสือแสดงเจตจำนงเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง) ตามมาตรา 38 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพื่อแจ้งไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขั้นตอนยังอยู่ตรงนี้
ทั้งนี้ขั้นตอนหลังจากที่พรรคฯ แจ้งผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ต่อ กกต. แล้ว ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ระบุไว้ว่า หัวหน้าพรรค โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดให้มีการประชุมร่วมกับ ส.ส.ของพรรค ในวันใด ทั้งนี้การประชุมดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดทิศทางในการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาล
“พรรคฯ ขอยืนยันว่า เราเป็นสถาบันทางการเมือง การดำเนินการต่างๆ นั้น เรามีจุดยืน มีหลักการ และมีศักดิ์ศรี ฉะนั้นการที่จะไปดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ ได้มีขั้นตอนกำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด” นายราเมศกล่าว
นอกจากนี้จากการที่ขณะนี้มีคดีที่ขึ้นสู่ศาลในเรื่องการวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส. นายราเมศกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคดีที่ขึ้นสู่ศาล และศาลมีคำตัดสินออกมาแล้ว เช่น ในกรณีเรื่องการเลือกตั้งในจังหวัดอ่างทอง แต่สำหรับกรณีที่พรรคการเมืองอื่นถูกดำเนินคดีอยู่นั้น ตนอยากเรียกร้องว่าขอให้พรรคการเมืองต่างๆ ต่อสู้คดีตามครรลองของกระบวนการยุติธรรม ขณะนี้บ้านเมืองกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ฉะนั้นหากไม่ยอมรับในกระบวนการ กฎเกณฑ์ กติกาต่างๆ แล้วจะทำให้เกิดปัญหาได้
พร้อมกันนั้นนายราเมศกล่าวเพิ่มเติมในโอกาสที่รับตำแหน่งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนนอกจากมีหน้าที่ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์งานของพรรคฯ ผลงานของพรรคฯ และ บุคลากรต่างๆ ของพรรคฯ แล้ว ตนมีหลักการสำคัญที่ยึดไว้คือ จะขอทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับประชาชนด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นเมื่อพี่น้องประชาชนสะท้อนปัญหามา ตนจะยึดปัญหาความทุกข์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และพร้อมที่จะเป็นกระบอกเสียงให้พี่น้องประชาชนด้วย