กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของประเทศไทย ไม่แพ้ชาหรือเครื่องดื่มอื่นๆ เลย แต่รู้หรือไม่นอกเมล็ดกาแฟดอยช้างหรือจากต่างประเทศที่หาซื้อได้ยากแล้ว ในประเทศไทยของเราเองอย่างทางใต้เช่น กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหนองแซะสามัคคีจากจังหวัด ที่ได้ปลูกเมล็ดกาแฟที่แสนพิเศษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติอันยอดเยี่ยม แถมมีวิธีการปลูกที่แปลกใหม่แต่ปลอดภัยไร้สารเคมีอีกด้วย
นายเสนอ ศรีคง ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหนองแซะสามัคคี ตำบลนาสัก อำเภอสวี จังหวัดชุมพร กล่าวว่า ตอนนี้มีความสุขกับการทำสวนกาแฟ และโดยเฉพาะแปรรูปกาแฟขายใช้ว่า “กาแฟลุงเหนอ” ส่งขายสร้างรายได้ให้กับครอบครัวอยู่ได้อย่างมีความสุข ถือเป็นเกษตรกรต้นแบบให้กับชาวชุมพร ที่ได้แปรรูปกาแฟเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ซึ่งใช้ระยะเวลา 2 ปี ในการนำสินค้าเข้าสู่กลุ่มผู้พัฒนาสินค้าแปรรูปคุณภาพ และได้รับรางวัลมากมายระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ทางกลุ่มจึงได้พัฒนาศักยภาพของสินค้าตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การแปรรูปด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง สะอาดปลอดภัย ที่สำคัญเป็นกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน เช่น ดูแลจัดการด้วยการตัดยอดให้กิ่งออกด้านข้างอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกาแฟที่ปลูกนี้จะออกดอกเมื่อายุ 18 เดือน พอครบ 30 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้
“สมัยก่อนปลูกกาแฟหนึ่งไร่ได้จำนวน 100 ต้น แต่ปัจจุบันปลูกหนึ่งไร่ได้จำนวน 400 ต้น เรียกว่าตารางวาละต้น ผมปลูกกาแฟโรบัสต้ามากว่า 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ในช่วงที่กาแฟราคากิโลกรัมละ 100 กว่าบาท จนราคาเมล็ดกาแฟตกลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือกิโลกรัมละ 17 บาท แต่กาแฟสำหรับชงดื่มกลับแพงมาก จึงมาคิดว่าต้องทำกาแฟเอง โดยทดลองจากสวนตัวเอง 10 ไร่ นำมาคั่วเอง ลองผิดลองถูกอยู่ 2-3 ปี กระทั่งเจอคนจีนมาแนะนำว่ากาแฟที่จะนำมาคั่วต้องไม่ใช่กาแฟใหม่ แต่ให้ใช้กาแฟเก่าค้างปี และการคั่วต้องใช้เนย น้ำตาล ทำจนกระทั่งรสชาติเข้าที่ ทดลองให้เพื่อนฝูงชิม จนเริ่มออกบูธหาลูกค้า และได้ไปออกงานโอทอป ที่เมืองทองธานี สินค้าไม่พอขาย มีลูกค้ามาอุดหนุนล้นหลาม” นายเสนอ กล่าว
ประธาน เปิดเผยอีกว่า ด้วยรูปแบบการปลูกที่แปลกใหม่ทำให้กาแฟลุงเหนาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ได้ชื่อว่าเป็นของดีประจำจังหวัดชุมพร เพราะเวลามีงานสำคัญที่ไหน จะต้องถูกเรียกไปใช้บริการ หรือไปในนามของจังหวัดอยู่เสมอ มีการพัฒนาสูตรกาแฟอย่างต่อเนื่องจึงเกิดสูตรกาแฟที่วางจำหน่ายได้แก่
สำหรับสูตรการทำปุ๋ยหมักจากเปลือกกาแฟแห้ง เริ่มตั้งแต่เปลือกกาแฟแห้งที่ผ่านกระบวนการสีแล้ว หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า พี้กาแฟ จำนวน 3 กระสอบ มูลสัตว์ (ขี้ไก่ ขี้หมู ขี้วัว )อย่างหนึ่งอย่างใด แบบแห้ง จำนวน 1 กระสอบ EM จำนวน 1 ลิตร น้ำหมักปลา จำนวน 1 ลิตร การทำน้ำหมักปลา ก่อนจะนำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 เดือน ก็สามารถนำมาใช้งานได้
ต่อมาวิธีการทำปุ๋ยหมักจากเปลือกเมล็ดกาแฟแห้งได้แก่ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 1 เดือน จากนั้นก็นำไปใช้งานได้ตามปกติ อัตราการใช้ปุ๋ยหมักจากเปลือกเมล็ดกาแฟแห้ง ใช้รด พืช ผัก ไม้ผล ปริมาณต้นละ 2 ลิตร รดช่วงเวลาไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก รด 7 วัน/ครั้ง โดยประโยชน์ของปุ๋ยหมักจากเปลือกเมล็ดกาแฟแห้ง จะช่วยในการปรับปรุงดินให้มีธาตุอาหารที่สมบูรณ์ขึ้น ทำให้พืช ผัก ไม้ผล ใบมีสีเขียวสมบูรณ์ ไม้ผล เติบโต แข็งแรงอีกทั้งยังช่วยให้ พืช ผัก ไม้ผล มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
โดยผลประกอบการปัจจุบันแม้จะเป็นสินค้าท้องถิ่นที่ไม่ได้ผ่านการประชาสัมพันธ์มากนัก แต่เนื่องจากเป็นสินค้าคุณภาพที่ไร้สารเคมี ทำให้ปัจจุบันกาแฟลุงเหนอสามารถทำรายได้ถึง 8 แสนบาทต่อปีเลยทีเดียว
“ปัจจุบันมี 2 แบบ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แบบเมล็ดกาแฟสดคั่ว และแบบกาแฟโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กาแฟโบราณขายเพื่อพ่อค้ากาแฟไปชงขาย กาแฟโบราณในซองกระดาษเยื่อ กาแฟโบราณพร้อมซองน้ำตาล และกาแฟโบราณพร้อมซองน้ำตาลซองครีม ซึ่งกาแฟโบราณของลุงเหนอ มีความพิเศษจากท้องตลาดทั่วไปคือไม่มีรสเปรี้ยวติด และล่าสุดเพื่อตอบตลาดคนรุ่นใหม่ที่ชอบรสชาติกาแฟสด ลุงเหนอได้ออกผลิตภัณฑ์กาแฟดริปออกมาให้ลิ้มลองด้วย” ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหนองแซะสามัคคี กล่าวปิดท้าย