นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงาน เศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งเน้นปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน นับเป็นอีกนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมและหลายประเทศนำมาปรับใช้กับภาคเกษตรได้มีประสิทธิภาพ อาทิ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้และสหรัฐ ปัจจุบันโดรนถูกนำมาใช้ตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูก เพื่อวิเคราะห์หาการเจริญเติบโตของพืชแต่ละจุด การถ่ายภาพทางอากาศโดยใช้ระบบ GPS การพ่นยา หว่านเมล็ดพันธุ์และหว่านปุ๋ย ซึ่งทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้แรงงานคน ประหยัดเวลาพ่นสารกำจัดศัตรูพืชและลดปริมาณใช้สารเคมี
สำหรับประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯโดยกรมวิชาการเกษตร ได้ทดลองนำโดรนมาพ่นสารชีวภัณฑ์ในแปลงผักคะน้า หอม ผักชี นาข้าว และไร่อ้อย ซึ่งพบว่าการใช้โดรนพ่นสารชีวภัณฑ์ลดเวลาพ่นเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แรงงานคนที่ใช้เครื่องสะพายหลังติดเครื่องยนต์ 4-5 เท่า และลดปริมาณใช้สารเคมีลงร้อยละ 30-50
อย่างไรก็ตาม โดรนเพื่อการเกษตรที่จำหน่ายในตลาดราคาสูง อยู่ระหว่าง 219,000-330,000 บาท/เครื่อง สศก.จึงทำวิจัยเรื่อง การศึกษาความคุ้มค่าการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ช่วยทำนาในภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการใช้และไม่ใช้โดรนในการช่วยทำนา และจากการสำรวจเบื้องต้นใน จ.สระบุรี นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า เกษตรกรที่จ้างบริการโดรนพ่นสารกำจัดวัชพืช/แมลงศัตรูพืช และการพ่นฮอร์โมนบำรุงข้าว ซึ่งการใช้โดรนพ่นลดเวลาลงเมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคน 3-5 เท่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทักษะของผู้ควบคุมโดรนสามารถลดปริมาณใช้สารเคมีลงร้อยละ 15-20 และไม่มีสารตกค้างในตัวผู้ปฏิบัติงาน
สำหรับการคิดค่าบริการพ่นสารโดยใช้โดรน จะเท่ากับค่าจ้างแรงงานคนคือ ไร่ละประมาณ 50-80 บาท แต่กรณีเป็นพื้นที่ห่างไกลจะคิดค่าบริการเพิ่มขึ้นตามระยะทาง ดังนั้น การใช้โดรนช่วยพ่นสารดังกล่าว ส่งผลให้เกษตรกรลดเวลา ลดสารเคมีและข้าวไม่เสียหาย ด้านเกษตรกรที่ยังไม่จ้างบริการโดรนพ่น พบว่าบางส่วนสนใจจ้างบริการโดรนดูแลรักษานาข้าวครั้งต่อไป เนื่องจากเห็นการใช้โดรนพ่นจากพื้นที่นาแปลงใกล้เคียง แต่บางส่วนยังไม่แน่ใจจะใช้บริการ เพราะยังขาดความรู้ และมีพื้นที่ปลูกอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ที่ใช้บริการโดรนฉีดพ่น ทำให้ไม่พบเห็นการใช้โดรนจากพื้นที่ใกล้เคียง
สำหรับผู้ประกอบการที่ให้บริการโดรนฉีดพ่นสารที่ทำมานาน พบว่า ต้องการโดรนพ่นสารเพิ่ม แต่ยังมีไม่เพียงพอที่จะให้บริการลูกค้า เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ซื้อโดรนซึ่งมีราคาแพง จึงต้องการให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุน สินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ ในการจัดซื้อโดรนให้ เพียงพอ ทั้งนี้ การใช้โดรนช่วยทำนาเป็นแนวทางหนึ่งในการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงานคนตามนโยบายรัฐบาล เนื่องจากการใช้โดรนลดเวลาทำงาน ลดใช้สารเคมี และไม่ทำให้ผลผลิตเสียหาย แต่โดรนและอะไหล่มีราคาแพง อีกทั้งผู้ควบคุมโดรนต้องมีทักษะความชำนาญสูง ซึ่งผู้ประกอบการใช้โดรนหรือกลุ่มเกษตรกรที่ต้องการซื้อโดรนมาใช้งาน จำเป็นต้องมีเงินทุนและผู้ควบคุมโดรนที่ชำนาญ จึงจะเกิดประสิทธิภาพทางการเกษตร
โดยปลายเดือนพฤษภาคมนี้ สศก.จะลงพื้นที่จ.พิษณุโลก กำแพงเพชร และอุตรดิตถ์ เพื่อศึกษาข้อมูลความคุ้มค่าการใช้โดรนดูแลรักษานาข้าวและจะรายงานผลศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบต้นทุน ผลตอบแทน จากการใช้และไม่ใช้โดรนดูแลรักษานาข้าวในโอกาสต่อไป