กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนให้โรงพยาบาลในสังกัดเป็นโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย 100% ภายใน
ปี 2562 คัดสรรวัตถุดิบที่สะอาด ปลอดภัย ปรุงอาหารให้ผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ ส่งเสริมเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ เปิดตลาดสีเขียวขายผักปลอดภัย
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2562) ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2562 พร้อมมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้แทนจากโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เขตสุขภาพ หน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวนทั้งสิ้น 700 คน
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้มารับบริการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้นถึง 368 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ต้องบริโภคอาหารในโรงพยาบาล ดังนั้นอาหารที่ผลิตจากโรงครัว ร้านอาหารในโรงพยาบาล จะต้องสะอาดปลอดภัย จึงมีนโยบายให้ทุกโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย โดยให้มีการคัดสรรวัตถุดิบที่ปลอดภัยมาปรุงอาหาร มีร้านจำหน่ายอาหารปลอดภัย และปรับแก้กฎระเบียบให้สามารถซื้อพืชผักปลอดสารในราคาที่สูงกว่าเดิม สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรทำเกษตรปลอดภัยหรือเกษตรอินทรีย์ เพิ่มรายได้เกษตรกร และเปิดตลาดสีเขียวขายผักปลอดภัย
“โครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยช่วยให้ผู้ป่วย ญาติ และเจ้าหน้าที่ได้บริโภคอาหารที่สะอาด
มีมาตรฐานปราศจากสารปนเปื้อน เป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ให้ประชาชนรับประทานอาหารปลอดสารเคมี
จะช่วยให้ประชาชนไม่เจ็บป่วยจากโรคที่มีผลจากสารปนเปื้อนในอาหาร อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกผักและผลไม้ปลอดภัย ส่งขายให้กับโรงพยาบาลในรูปวิสาหกิจชุมชนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ทำให้มีรายได้หมุนเวียนในชุมชนสามารถเลี้ยงตัวเองให้อยู่ได้ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง อย่างยั่งยืน”ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าว
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวต่อว่า การดำเนินการโครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2560 มีโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยแล้ว 878 แห่ง และจะขยายให้ครบ 960 แห่งทุกโรงพยาบาลในปี 2562 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายทุกภาคส่วน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)ด้วย