ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี เจ้าหน้าที่ป่าไม้สำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) สายตรวจปราบปรามว่าด้วยการกระทำผิดป่าไม้ สายที่ 1 ป่าไม้ภาคเหนือ, เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจชปส.นปพ.กก.สส.ภ.จว.ลำปาง, เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง, เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กอ.รมน.จังหวัดลำปาง, ทหาร กกล.รส. (ร.17 พัน.2) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5, ตำรวจ สภ.เสริมงาม ร่วมกันตรวจยึดไม้สักท่อน จำนวน 61 ท่อน ปริมาตร 5.03 ลูกบาศก์เมตร ไม่ห่างจากถนนสายเสริมงาม-ลี้ บ้านนาสันติสุข หมู่ 8 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปางแต่ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงไม้ขึ้นรถอยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่นำลูกบ้านมากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่โดยไม่ยอมให้เอาไม้ของกลางออกไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายไปแล้วจำนวหนึ่ง กลุ่มแกนนำชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจได้ประกาศเสียงตามสายระดมชาวบ้านกว่า 300 คนเข้ามาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ โดยนำโต๊ะเก้าอี้ รถยนต์ จักรยานยนต์ ตอไม้ และผู้หญิงมาขวางถนน ไม่ให้เจ้าหน้าที่ขนย้ายไม้ออกจากพื้นที่ พร้อมไม่ให้ดำเนินคดีต่อเจ้าของบ้าน จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องยอมถอยออกจากพื้นที่นั้น ตามข้อมูลทางลับทราบว่า ชาวบ้านนาสันติสุข หมู่ 8 ต.เสริมซ้าย อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ได้เข้าไปตัดไม้ในป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เสริม ในเขตศูนย์ศิลปาชีพแม่ต๋ำ จำนวน 85 ต้น ประมาณ 200 กว่าท่อน ชาวบ้านขอร้องเจ้าหน้าที่ไม่ให้จับกุมตัวผู้กระทำผิด จะยอมให้ยึดไม้ทั้งหมด แต่ไม่ให้ยึดแท่นเลื่อยไม้ซึ่งเป็นของผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 แต่ผู้ใหญ่บ้านได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านมาล้อมเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ขนไม้ของกลางออก
ชาวบ้านบางรายนอนขวางถนน และได้จัดเตรียมถังแกลลอน 5 ลิตร บรรจุน้ำมันมาหลายถัง ขู่ว่าจะเผารถเจ้าหน้าที่ที่จับกุม ไม่ให้ขนไม้ของกลางออก เป็นการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้นั้น ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างยิ่ง ที่สำคัญเหตุการณ์ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมมือในการกระทำผิดด้วย (ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 64/57) โดยทุกครั้งที่มีการจับกุมไม้ในพื้นที่นี้จะมีปลัดคนหนึ่งด้เข้ามาขอร้องเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ให้ดำเนินคดีลักษณะทำกันเป็นทีม โดยอ้างว่าชาวบ้านขอตัดไม้เพื่อสร้างบ้านเท่านั้น
ข่าวแจ้งว่า จ.ลำปางเป็นจังหวัดที่มีสถานการณ์การตัดไม้ทำลายป่ารุนแรงมาก เพื่อหยุดยั้งขบวนการตัดไม้ และไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ผิดกับพื้นที่อื่นๆ จึงมีการเสนอให้ กอ.รมน.จังหวัดลำปาง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจยึดไม้ที่เหลือทั้งหมด และให้ดำเนินการ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย และปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.โดยเคร่งครัด กรณีนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ร่วมกระทำผิด และเกี่ยวข้องโดยเข้าไปช่วยเหลือผู้กระทำผิดด้วย จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัย และทางอาญา
ทั้งนี้ มีรายงานว่าระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อตรวจป่า แก้ไขปัญหาไฟป่า ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และอุทยานฯ ช่วงเช้าที่ผ่านมา (18 ก.พ.) บอกว่าให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดไม่มีละเว้น พร้อมรายงานผลให้หน่วยเหนือทราบเป็นการด่วน
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุมบอกด้วยว่า เบื้องต้นจะต้องดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ฐานมีไม้สักยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และกฎหมายอื่นที่เกี่ยงข้อง เช่น ขัดขวางเจ้าพนักงานงาน ฯลฯ ซึ่งจะต้องทำบันทึกคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นำส่ง พงส.สภ.เสริมงาม เพื่อดำเนินคดี