นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมกรณีขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงานก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิว่า กระทรวงคมนาคมได้หารือถึงโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (เทอร์มินอล 2) บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) โดยให้ทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.กลับไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกประเด็น เนื่องจากทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้มีความเห็นเพิ่มเติม เช่น การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นเมืองการบิน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่กระทบต่อแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.ยังไม่สามารถอธิบายได้ครบถ้วน
นอกจากนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มียุทธศาสตร์การขนส่งทางอากาศของประเทศไทยเป็นแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินทั่วประเทศ แผนด้านสายการบิน แผนงานด้านกำกับดูแล และแผนการบริหารน่านฟ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในระยะ 15 ปี ซึ่ง ทอท.จะต้องนำไปประกอบการศึกษาเพื่อให้การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิสอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลัก
"ทอท.ทำธุรกิจ จำเป็นต้องลงทุนเพื่อลูกค้า เพื่อสายการบิน แต่การพัฒนาจะมองเฉพาะสนามบินของตัวเองไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่า ยังมีสนามบินอู่ตะเภา สนามบินภูมิภาคอีกทั่วประเทศ ซึ่งการพัฒนาทั้งหมดจะต้องสอดคล้องกัน ต่างคนต่างพัฒนาไม่ได้หาก ทอท.จะพัฒนาสุวรรณภูมิเต็มที่ อาจจะทำให้อู่ตะเภาไม่เกิดตามยุทธศาสตร์ประเทศ ซึ่งกระทรวงคมนาคมและ สศช. มีหน้าที่มองในภาพรวม มองในแง่การลงทุนมีความเหมาะสมหรือไม่ในภาพรวมของประเทศ"
ด้านนายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับความเห็นของ สศช.และคมนาคม ถึงข้อกังวลในเรื่องขีดความสามารถและผลกระทบจากโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน อย่างไรก็ดี ทอท.ยังยืนยันความจำเป็นของเทอร์มินอล 2 โดยขณะนี้ทอท.ได้ศึกษาวางแปลนของเทอร์มินอล 2 เป็นการออกแบบเบื้องต้นแล้ว ซึ่งได้ปรับพื้นที่ การใช้งาน เพิ่มขีดรองรับผู้โดยสารจาก 20 ล้านคน เป็น 30 ล้านคนต่อปี พร้อมกับให้ผู้ใช้ทั้งผู้ประกอบการ สายการบิน สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เพื่อให้มีส่วนร่วมในการวางแปลนให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด