แพทย์ผิวหนังเตือนประชาชนระวังแมงมุมมีพิษกัด
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ เตือนประชาชนหากถูกแมงมุมมีพิษกัด ให้รีบทำความสะอาดและประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัดห้ามประคบร้อนโดยเด็ดขาดเพราะพิษจะกระจาย ถ้ามีอาการรุนแรงให้รีบไปพบแพทย์พร้อมนำแมงมุมไปด้วย
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าว ประชาชนถูกแมงมุมมีพิษกัดบริเวณโคนนิ้วชี้ข้างขวา ซึ่งพิษทำให้แผลบวมไหม้เป็นสีดำ มีอาการปวดตามข้อกระดูกและทั่วร่างกาย และมีไข้ต่อเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผู้ป่วยที่ถูกแมงมุมมีพิษกัดจะมีอาการทางผิวหนังเริ่มจากปวดเล็กน้อย เริ่มรุนแรงขึ้น และปวดต่อเนื่องร่วมสัปดาห์ สำหรับแมงมุมพิษที่มีอันตรายและควรระมัดระวัง จัดแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายดำ (black widow spider) และแมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (brown recluse spider) โดยลักษณะที่เด่นชัดของแมงมุมมีพิษให้สังเกตตรงบริเวณท้องจะป่องขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งแตกต่างจากแมงมุมที่เจอตามบ้านทั่วไป พิษของแมงมุมสามารถทำให้เกิดอาการทางระบบอื่นๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ไข้ หรือ ปวดศีรษะ ในบางรายอาจรุนแรงมาก เช่น ไตวาย หรือ ภาวะเลือดแข็งตัวในหลอดเลือด โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังโดนกัด
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าเนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนทำให้สัตว์จำพวกแมลงมีพิษต่างๆ มักจะหลบซ่อนเข้ามาตามบ้านเรือน
จึงควรทำความสะอาดและตรวจสอบเสื้อผ้าก่อนสวมใส่ ตรวจสอบที่นอนก่อนนอนเสมอ สำหรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อถูกแมงมุมมีพิษกัด ให้รีบทำความสะอาดและประคบเย็นบริเวณที่ถูกกัด หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ ไม่ควรประคบร้อนที่บริเวณที่ถูกกัดโดยเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้พิษแมงมุมกระจาย หากมีอาการรุนแรง เช่น คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ หรือปวดศีรษะ ให้รีบไปโรงพยาบาล โดยนำแมงมุมไปด้วย ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีเซรุ่มหรือยาต้านพิษ เนื่องจากพิษแมงมุมในประเทศไทยไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้