นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ปี 2558 ว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในปี 2558 ปรับลดลงร้อยละ 47.3 เมื่อเทียบกับปี 2557 ส่งผลให้รายได้จากการขายของทุกกลุ่มธุรกิจรวมเป็นจำนวน 2,026,912 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.2 จากปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายโดยรวมเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินงานของ ปตท.เป็นลักษณะครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงทำให้สามารถรักษาศักยภาพการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าหากเปรียบเทียบเฉพาะธุรกิจต้นน้ำ หรือ ปลายน้ำโดยลำพัง
“อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าทิศทางราคาน้ำมันในปีนี้จะเฉลี่ยทั้งปีในระดับ 40 เหรียญสหรัฐฯ โดยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งขณะนี้น่าจะผ่านระดับที่ต่ำสุดไปแล้ว ทั้งนี้ ปตท.ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรับกับสถานการณ์ทุกแง่มุมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมวางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร และรับมือกับภาวะท้าทายในธุรกิจพลังงานเช่นนี้ โดย 1.ปตท.จะให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เป็นจุดแข็งให้มากขึ้น โดยเพิ่มประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด และก้าวออกจากธุรกิจที่เป็นจุดอ่อนในขณะนี้ 2.ลดค่าใช้จ่าย 3.พิจารณาต่อยอดหรือลงทุนขยายธุรกิจ เพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 4.ควบรวมกิจการที่ซ้ำซ้อนกันเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสความได้เปรียบทางการแข่งขันให้มากขึ้น” นายเทวินทร์ กล่าวเพิ่มเติม
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ลดลงนั้น มีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และที่สำคัญเป็นผลมาจากการบันทึกด้อยค่าทางบัญชี (Impairment) ของบริษัทในกลุ่ม โดยในปี 2558 ปตท.และบริษัทในกลุ่มมีการบันทึกด้อยค่าจำนวน 54,698ล้านบาท โดยเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2557 จำนวน 28,615 ล้านบาท โดยการบันทึกด้อยค่าดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกทางบัญชี ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด แต่อย่างใด
แม้ว่ารายได้จากการขายที่ลดลง เนื่องจากราคาขายปรับตัวลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ว่าจะใน ทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น รวมถึงธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ แต่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น โดยในกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปี 2557 ส่วนใหญ่เป็น การเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายในกลุ่มดีเซล และเบนซินตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
ทั้งนี้ ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรก่อนหักต้นทุนทาการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) 284,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 3.4 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 19,936 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 66 จากปีที่ผ่าน มา อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานในปี 2558 (Operating Net Profit) ไม่รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ จำนวน 75,881 ล้านบาท ลดลงจาก 88,806 ล้านบาทในปี 2557 หรือลดลงเพียงร้อยละ 15
สินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2558 นั้น มีทั้งสิ้น 2,173,996 ล้านบาท ลดลงในอัตราร้อยละ 3.4 มีในส่วนของ หนี้สินรวม 1,086,309 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 9.1 และมีในส่วนของผู้ถือหุ้น 1,087,687 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
“ปตท. ยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในงบรวมกว่า 239,000 ล้านบาท และได้มีมาตรการต่างๆเพื่อรองรับราคาน้ำมันที่ผันผวนในระดับต่ำ รวมถึงการแสวงหาโอกาสในการลงทุนเพื่อพลิก วิกฤตให้เป็นโอกาส พร้อมที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคนไทย เพื่อดำเนินการจัดหา และมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางพลังงาน บนพื้นฐานเพียงพอ ทั่วถึง เป็นธรรม และยั่งยืน ให้กับประชาชนคนไทย และประเทศชาติต่อไป” นายวิรัตน์ กล่าว