นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอเร่งสำรวจข้อมูลพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์และวางแผนการช่วยเหลือเกษตรกร รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำให้แก่เกษตรกร ผ่านกลไกของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับจังหวัด และคณะทำงานปฏิบัติการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและแก้ไขปัญหาภาคเกษตรระดับอำเภอ โดยขณะนี้ได้จัดทำข้อมูลสถานการณ์เนื้อที่เพาะปลูกและเนื้อที่เสียหายผ่านระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร มายังกรมส่งเสริมการเกษตร และจะปรับปรุงข้อมูลทุกวันอังคารของสัปดาห์
พร้อมกันนี้ ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรถึงสถานการณ์น้ำ เพื่อเตรียมการวางแผนระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ โดยแนะนำวิธีการดูแลรักษาพืชในภาวะฝนทิ้งช่วง อีกทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการทำนามาเพาะปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2562
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่เพาะปลูกพืชปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร หากเป็นเกษตรกรรายใหม่ให้มาขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ปลูก หรือศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) หรือสถานที่อื่นที่มีความเหมาะสมโดยด่วนที่สุด ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ให้บริการต่อไป สำหรับเกษตรกรรายเดิมสามารถปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Farmbook เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2561 อีกทั้งเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้สำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัดเร่งช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ มีหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ คือ ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย ซึ่งจะช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจริง แต่ไม่เกิน 30 ไร่ อัตราการช่วยเหลือนาข้าวไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ๆ ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่นๆ ไร่ละ 1,690 บาท ทั้งนี้ ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนให้เสร็จหลังประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินภายใน 15 วัน